80/20 นับเป็นร้านอาหารที่น่าสนใจมากๆร้านนึงสำหรับผม เพราะ องค์ประกอบของอาหารที่เป็นอาหารไทยเเต่เชฟดันมีเเบล็คกราวน์ดจากการทำอาหารในประเทศตะวันตก ไม่ใช่มีเพียงเเค่เชฟคนไทยเเต่ทางร้านยังมีตัวตนครึ่งนึงเป็นคนญี่ปุ่นด้วย
วันนั้นนี่เรียกว่าปุ๊ปปั๊ปรับโชค เกิดอะไรดลใจให้อยากกินอะไรดีๆขึ้นมา ปิ๊งขึ้นมาได้ว่าเรายังไม่เคยลองร้าน 80/20เลยนิหว่า จึงทำการจองเสร็จสรรพตอนเย็นๆเเละตรงไปที่ร้านเลยในวันนั้น ฮ่าา
80/20 อาจจะไม่ใช่ร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ เเต่80/20ในปีนี้มีความเเตกต่างจากเดิมไปมากทีเดียว ทางร้านพึ่งปิดร้านเพื่อเปลี่ยนโฉมมาเป็นไฟน์ไดน์นิ่งเต็มรูปแบบเเละประสบความสำเร็จ จนทำให้ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ ที่พึ่งประกาศกันไปหมาดๆในมิชลินไกด์ฉบับล่าสุด โดยรีวิวนี้ผมไปกินก่อนการประกาศผลเพียงสองถึงสามวันเรียกว่าดวงของเราตรงกันจริงๆครับ
สิ่งนึงที่ผมชอบ80/20 ตรงความไม่ยอมเเพ้กล้าที่จะลองเเละความตั้งใจ ซึ่งเเพชชั่นตรงนี้ของเชฟทั้งสองสามารถสื่อสารให้ผมรับรู้ได้จริงๆผ่านสิ่งที่ทั้งสองนำเสนอบนจานอาหาร ผ่านภาพในครัวที่ได้เห็น เเละผ่านพลังงานที่เปี่ยมล้นที่ได้รับจากการสื่อสารกับเชฟทั้งสองที่หมั่นเเวะเวียนมาเสริฟ์อาหารกันด้วยตัวเอง
80/20 ภายใต้การฟูมฝักของ เชฟคู่หูอย่างเชฟเชฟโจ ณพล จันทรเกตุ และ เชฟซากิ โฮชิโนะ นั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากการผสมผสานวัฒนธรรมการเสริฟ์อาหารเเบบ Kappo kaiseki มาประยุกต์ใช้กับอาหารไทยที่แฝงกลิ่นอายตะวันตกได้อย่างลงตัว และ เเสดงอัตตลักษณ์ของเชฟทั้งสองได้อย่างน่าสนใจ โดยเชฟทั้งคู่ต้องการจะนำเสนออาหารที่มีรสชาติอร่อยและฉีกกรอบอาหารเดิมๆที่ฝังอยู่ในหัวเรา ในแนวคิดที่แตกต่างออกไปและกล้าที่จะต่างอย่างมีเอกลักษณ์
อาหารของ 80/20 แม้เป็นอาหารไทย เเต่ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย รสชาติของอาหารตะวันตก อาหารของทางร้านมีรสชาติที่เข้มข้นโดยเฉพาะสารพัดซอสทำเองของทางร้านที่ดีมากๆในหลายๆตัว ในหลายๆเมนูนั้นด้วยความเเปลกของวัตถุดิบผมเเอบสงสัยว่าชาวต่างชาติจะเข้าใจเเละเอ็นจอยไปกับเราไหม
สำหรับเมนูอาหารของ 80/20 จะเสริฟ์มาที่ละจานซึ่งไม่เหมือนกับร้านไฟน์ไดน์นิ่งอาหารไทยที่นิยมเสริฟ์มาเป็นสำรับมากกว่า โดยส่วนตัวผมพบว่ารูปเเบบนี้เหมาะกับ 80/20 ที่มีเป็นอาหารประยุกต์มากกว่าเพราะเราจะได้โฟกัสกับที่ละจานอย่างเต็มที่ โดยเมนูของทางร้านจะมีเฉพาะเทสติ้งเมนูเท่านั้น โดยมีทั้งสิ้นสิบหกอย่าง ในราคา3000++ (11/2019)
ในวันนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ
จานเเรกของเราเป็นมะเขือเทศจากเชียงใหม่สดๆรับประทานกับเจลจากปลา ผงปลาทูน่า น้ำมันงา คำนี้เมื่อเข้าปากเราจะได้มีกลิ่นสมุนไพร ตามมาด้วยความเปรี้ยวหวานติดเผ็ดนิดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนต้มโคล้ง โดยส่วนตัวจานนี้รสบางไปเเต่ก็เป็นจานเริ่มต้นที่ดีทีเดียวครับ
คำต่อมาเชฟเสริฟ์ทองม้วนเเต่เป็นทองม้วนเเบบเค็มเหมือนขนมเบื้อง โดยจะไส้เป็นกุ้งมังกรภูเก็ต ,หมูผัดเผ็ด, กิมจิคอมเพรส ต้นหอมและผักชี คำนี้ผมค่อนข้างผิดหวังครับตัวเนื้อกุ้งดิบเย็นไปจนรสหวานไม่ออก รู้สึกถึงเเต่รสเผ็ด ความเปรี้ยวหวานของกิมจิก็น้อยเกินไปจนไม่ครบรส
จานถัดไปเชฟเสริฟ์ดอกไม้ทอด โดยจะมี เเข ขจร เเละดอกสโน ทอดในเเป้งผสมกะทิ รับประทานกับซอสพริกกับกุ้งเเห้ง อละซอสมะขาม
จานนี้อร่อยมากๆครับ ความยอดเยี่ยมของมันมาจากตัวแป้งผสมกะทิที่มันหวานเข้ากับดอกไม้ได้อย่างลงตัว ดอกยังไปกันได้ดีกับซอสสองรสอย่างซอสเค็มหอมกุ้งเเละร้อนพริกนิดๆ และซอสรสเปรี้ยวหวานจากมะขามอีกด้วย
คำนี้เชฟเสริฟ์เมี่ยงครับโดยปกติเมี่ยงจะเป็นเเบบเเห้งๆ เเต่เชฟเอามาอยากทำให้มันเป็นน้ำๆ ซึ่งบัวเป็นคำตอบของเชฟครับ โดยเชฟเสริฟ์เป็นเมี่ยงกลีบบัว รับประทานกับ เม็ดบัว,รากบัวทอด,ไหลบัว,สายบัวดองอ่อนๆและส้มซ่า คำนี้เป็นคำหนึ่งที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ มันเยี่ยมมากหอมเย็น ไม่หวานไป เท็กเจอร์เเละรสหลากหลายเเต่ลงตัวดีมากๆครับ
จานต่อมาเป็นสตรีทมีท จานนี้ได้เเรงบันดาลใจจากหมูปิ้งเเละเนื้อเเดดเดียว โดยมาสลับกันเป็นเนื้อปิ้งเเละหมูเเดดเดียว
โดยเชฟนำเนื้อวากิวจากมุกดาหารมาทำให้สุกอย่างช้าๆ ก่อนปิ้งด้วยเตาถ่านให้หอม เกรซกับซอสปิ้งรสหวาน ไม้นี้ตัวเนื้อหอมเม็ดผักชี,กลิ่นเนื้อเเละถ่าน ตัวเนื้อมีมันนิดๆเเต่ไม่เลี่ยน รสเหมือนลูกผสมระหว่างเนื้อเเห้งที่ไม่เเห้ง นุ่มอร่อย ดีทีเดียวครับ
ข้างๆกันเชฟเสริฟ์เป็นหมูแผ่น โดยนำเนื้อหมูไปเเอร์ดรายเเล้วนำไปอบ ตัวหมูมีความเหนียวหนึบๆเเต่ไม่เเข็งมีความเค็มนิด ตัดกับซอสราดรสหวานๆคล้ายเเจ่ว ใช้ได้เลยครับ
ตัดเบรคกันด้วยอะไรเย็นๆกันบ้างครับ เเก้วมังกรลอยเเก้วราดกรานิต้าเเละผงปู กินกับดอกไม้เเละใบสมุนไพร,น้ำมันสมุนไพรเเละน้ำมันพริก จานนี้เด็ดเลยทีเดียวครับ มันได้พิสูจน์ว่าความคิดว่าลอยเเก้วไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหวาน ในจานนี้กลิ่นปูเเละกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้เข้ากันอย่างสนุกสนาน น้ำลอยเเก้วนั้นมีรสเปรี้ยวหวานอ่อนๆทำให้ไม่กลบรสของผลไม้ ผงปู,น้ำมันพริกเเละสมุนไพรช่วยเพิ่มรสเค็มเผ็ดที่ปลายลิ้นนิดๆทำให้จานนี้มีเอกลักษณ์มากขึ้น อร่อยมากๆครับ
ถัดไปเป็นจานเครื่องจิ้มกันบ้างกับ น้ำพริกกบ,มะเขือม่วง,มะเเขว่นและน้ำปลาร้าทำเองของทางร้าน โดยเราจะรับประทานกับดอกเงี้ยวทอด สารพัดผักแปลกๆ หนังกบทอด และข้าวทอด จานนี้ผมว่าน่าสนใจว่าจะอธิบายต่างชาติยังไง เเต่ในส่วนของรสชาติทำออกมาได้ดีเลยครับน้ำพริกรสไม่จัดมากนักหอมมะเเขว่นไม่เหม็นปลาร้า ตัวเครื่องจิ้มอย่างหนังกบทอดนี้ทำได้ดีทีเดียวครับบางกรอบเค็มนิดๆอร่อยจนอยากขอเพิ่มเลย สารพัดผักแปลกๆนี้มีรสเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสนุกดีครับที่ได้ลอง เเต่บางตัวผมก็ต้องบอกตามตรงว่าผมไม่ชอบรสของมันจริงๆ
จานต่อมาเป็นทาร์ทาร์ไทยวากิวเเละหอยนางรม โดยจานนี้มีส่วนผสมของซอสพริกบารบีคิวคะน้ากรอบ กระเทียมดอง รสเผ็ดร้อนจากพริกไทยเเละรสเปรี้ยวหวานนัวๆหอมควันเหมือนซอสบาบีคิวนั้นเข้ากับเนื้อไทยที่ติดมันนิดๆได้อย่างน่าสนใจ ก่อนจะตัดรสด้วยความขมนิดๆจากก้านคะน้าทอดที่ทอดได้ดีมากไม่สุกจนไหม้ข้างในยังนุ่ม เป็นจานที่น่าสนใจทีเดียวครับเเต่ส่วนตัวว่าซอสเผ็ดร้อนไปนิดจนกลบรสหอยกับคะน้าไป
ถัดไปเป็นซุปกันบ้างกับต้มข่าฉบับ 80/20 โดยเชฟเลือกใช้หอยเชลนำมาปรุงให้สุกอย่างช้าๆจนนุ่มหวานด้วยรับประทานกับซุปจากข่าเเละจิโคม่า ตัวซุปหอมเย็นมีเอกลักษณ์ของข่า เปรี้ยวละมุนลิ้น ชูรสของหอยได้อย่างยอดเยี่ยม อร่อยมากครับ
จานนี้เป็นหอยตลับ เเมงภู่ เเครงที่ลวกในซุปหอย รับประทานกับซอสผัดฉ่าทำเองใส่เหล้าไทย เคียงกับ,ถั่วฝักยาว,สะตอ,ถั่วพูล,มะดันวินิเเกรตและผักบุ้ง จานนี้ผมสองจิตสองใจเพราะทางนึงผมประทับใจตัวซอสที่ให้ความรู้สึกเหมือนผัดฉ่าเเต่ลุ้มลึกขึ้นด้วยกลิ่นสโม้คกี้นิดๆจากเหล้าซึ่งเข้ากับหอยที่ทั้งสดกรอบหวานเด้งได้ดีมากๆ เเต่ในขณะที่เครื่องอย่างผักบุ้งนั้นโดยส่วนตัวคิดว่าลวกนานไปจนนิ่มเเละตัอุ้มน้ำทำให้ซอสเสียรสชาติ ตัวร้ายในจานนี้อีกตัวคือกลิ่นสะตอที่แรงกลบกลิ่นผัดฉ่าจนเสียเอกลักษณ์หมด
จานต่อมาเป็น ขนมตาลรับประทานกับเเกงคั่วปลาหมึกและหอยสังข์ เเกงคั่วสองชนิดรสชาติตามมาตราฐานไม่มีอะไรพิเศษ ตัวปลาหมึกเเอบติดคาวนิดๆ เเต่สิ่งที่ทำให้จานนี้เเตกต่างคือขนมตาลที่ใส่สาหร่ายเเละผักน้ำเข้าไปจนทำให้ขนมตาลมีกลิ่นอายของทะเลนิดๆจนเข้ากับซีฟู้ดได้อย่างยอดเยี่ยม
ต่อมาเชฟได้เเรงจากร้านข้าวต้มจึงอยากนำเสนออาหารร้านข้าวต้มที่เเตกต่างกันออกไป
โดยเป็นปลากระพงนึ่งที่ได้เเรงบันดาลใจมาจากปลาเจี๋ยนที่ราดซอสเต้าเจี้ยวทำเองของทางร้านกับเต้าซี่ เเละหนังปลาทอดรสยำสามกรอบ รับประทานกับข้าวต้มชาหอมมะลิ
ตัวปลานี้อร่อยมากๆครับเนื้อนุ่มหวานตัดกับซอสที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเค็มละมุนหอมขึ้นฉ่ายนิดๆ หนังปลาทอดมาได้บางกรอบเปรี้ยวอมหวานอร่อยดี
เเต่ในส่วนข้าวต้มชาที่ใช้ข้าวจากบุรีรัมย์และชาจากดอยเเม่สลอง นั้นส่วนตัวคิดว่ากลิ่นดอกไม้เเรงไปไม่เข้ากับปลาเเละเต้าเจี๊ยว ตัวข้าวค่อนข้างเเข็งไปโดยส่วนตัว
มาถึงจานที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้เชฟได้รับเเรงบันดาลใจจากข้าวอบญี่ปุ่นที่มักเสริฟ์เป็นจานสุดท้ายในร้านKappo ซึ่งหากเรากินไม่หมดสามารถขอให้ทางร้านห่อกลับให้ได้เหมือนกันด้วย
โดยข้าวอบของร้าน80/20นั้นมีส่วนผสมของเครื่องเเกงเเละเสริฟ์มาพร้อมกับขาเป็ดคองฟิต โดยเชฟจะนำขาเป็ดไปเว็ทเอจในเหล้าไทยเเล้วเอาไปรมควันไม้ ก่อนจะย่างด้วยไฟอ่อนๆ กินกับมะเฟือง ตะลิงปลิง มะเขือดอง และกิมจิทำเอง
ตัวขาเป็ดนี้ยอดเยี่ยมมากๆครับ ผิวสัมผัสเด้งหอมกลิ่นเหล้าจางๆ สโมคกี้ๆหน่อย เข้ากับซอสที่ทำจากเเบล็คการลิคกับน้ำเป็ดที่หวานหอมชวนหิวนุ่มละมุน ตัวซอสรสหวานเข้าตัดกับ
ตัวข้าวอบที่มีกลิ่นชวนน้ำลายสอหอมกลิ่นแกง กะชาย ก่อนจะเพิ่มลูกเล่นนิดๆด้วยกระเจียวทอดกรุบๆได้ลงตัว เป็นจานที่ยอดเยี่ยมมากๆทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์มากๆครับ
ต่อมาเป็นจานล้างปากที่ดัดเเปลงจากอาหารที่เราคุ้นเคยอย่างส้มตำ ในจานนี้มีส่วนผสมของ กระบก มะละกอดิบหั่นเต๋า คาเวียร์จากมะเขือ(เม็ดมะเขือเทศ) เชอเบทมะเขือเทศ ถั่วหวานพิวเร่ และไลม์เคริท์ด จานนี้เป็นจานที่ผมตั้งตารอตั้งเเต่เห็นเมนูอาหารเลยครับโดยเชฟอยากนำเสนอส้มตำที่เเปลกเเตกต่างออกไป เเต่จานนี้บริกรได้เตือนเราว่าอย่าคาดหวังว่ามันเป็นส้มตำ ซึ่งมันก็จริงอย่างเขาว่าครับเเม้จะใช้วัตถุดิบของส้มตำเเต่ผมว่าจานนี้มีรสที่เป็นเอกลักษณ์เเละเเปลกเเหวกเเนวไปสักนิด รสไม่มีความเป็นส้มตำเเม้เเต่น้อย ยิ่งมีส่วนผสมของเชอเบทที่ใส่นมไปนิดนึงนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูเเปลกกันไปกันใหญ่ ไม่ประทับใจครับ
มาถึงจานที่ไม่คาดหวังกันบ้างกับเต้าฮวยน้ำขิง โดยเชฟใช้เต้าหู้ลูกเดือยเเทนเต้าฮวยธรรมดา เเละเสริฟ์มาพร้อมกับน้ำขิงที่ทำจากกะชายเเละพริกไทย จานนี้ดีมากๆครับ ตัวเต้าหู้เนื้อมันหอมลูกเดือยมันนิดๆ นั้นทำได้อย่างยอดยี่ยม เช่นเดียวกับน้ำชากระชายหอมฉุนหวานกลมกล่อมร้อนปลายลิ้นนิดๆ น่าสนใจมากๆครับ ตัวเครื่องเคียงอย่างโดนัทงาดำตบช่วยให้ความหวานไม่ให้ร้อนท้องนักเเละตบอาหารขนมนี้กลับไปเป็นจีน
จานสุดท้ายในคำคืนนี้ของเราอย่างรสชาติเเห่งมะพร้าว ในจานนี้เราจะได้พพบทุกความเป็นไปในการเเปรรูปมะพร้าว ประกอบไปด้วย มะพร้าวเผาเชอเบท เวเฟิลน้ำมะพร้าวกะสมุนไพร กาละเมกะทิ เค้กชาอูหลง เเละครัมเบิล
จานนี้อร่อยมากๆครับ โดยเฉพาะเชอเบทมะพร้าวรสหวานอ่อนหอมกลิ่นควัน ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันลงตัวเเละมีรสชาติที่ชัดเจนเเต่ทุกอย่าง กะละเเมหนึบหนับ เค้กฟูนุ่ม เชอเบทที่นุ่มละมุน ทุกอย่างผสมผสานอย่างสนุกสนานในปาก ส้รางความประทับใจไม่รู้ลืม เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากๆ เเละขอปรบมือให้กับทีมงานของร้าน80/20
🍾Service : 8.75/10
🍽Food: 7.75/10
🤩WOW factor: 8.25/10
💰Value for money: 8/10
Total: 8.25/10
🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/sQkE6KbxmopGqktz7
⏰เวลาเปิดปิด: 18.00-23.00
💵ค่าเสียหาย: ~3500 Baht
⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.8020bkk.com/
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
留言