Elements องค์ประกอบเเห่งรสชาติ (Bangkok, Thailand) 🍽,⭐️,🇹🇭
Elements เป็นห้องอาหารเชิดหน้าชูตาของโรงเเรมOkuraที่กรุงเทพ ที่ได้รางวัลMichelin starหนึ่งดวง จากการจัดอันดับของมิชลินไกด์กรุงเทพประจำปี2019
Elements เป็นห้องอาหารที่ได้อิทธิพลมาจาก ห้องอาหาร Ciel Bleu ห้องอาหารมิชลินสตาร์สองดาวที่โรงเเรมโอคุระ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งแสดงออกมาในอาหารของ Element พอสมควรเรียกว่าพอมีกลิ่นอายจางๆ ทั้งการตั้งชื่อเมนู,สไตล์การปรุงรสเเบบอาหารดัชซ์ เเละเเน่นอนความครีเอทีฟในจานอาหาร
เเต่ในความรู้สึกของผู้เขียนเเล้ว Elements ดูจะใส่ความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าร้านต้นเเบบพอสมควร ในทางตรงข้ามกันอาหารของ Elements นั้นกลับชวนให้ผู้เขียนนึกถึงร้านอาหารอีกร้านนึงในอัมสเตอดัมอย่าง Brod eau (มิชลินสตาร์หนึ่งดาว) มากกว่า ตรงที่ีชอบใช้ส่วนประกอบในจานเป็นอาหารทะเลตัดด้วยความสดชื่นของพืชผัก อย่างมากมาย การปรุงรสที่เน้นการใช้รสเปรี้ยวนำตัดกับรสเค็ม
ส่วนตัวคิดว่าอาหารของ Elements นั้นมีมาตราฐานการปรุงที่ดี วัตถุดิบที่ดีรสชาติที่เป็นกลาง เเต่ความรู้สึกมันยังขาดอะไรบางอย่าง ตัวเชฟพยายามสอดเเทรกลูกเล่นความเป็นญี่ปุ่นลงในอาหารฟรั่งเศสเจือกลิ่นอายดัชซ์นิดๆ ลูกเล่นในบางจานนั้นว้าวเอาเสียมากๆ เเต่บางลูกเล่นดูซ้ำซากเเละจำเจ เช่นส้มยูสุ ที่เราจะพบกว่า 70 % ของมื้ออาหารนี้ การจับคู่วัตถุดิบที่ดูพยายามใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปในจานอาหารจนทำให้มันไม่คลิกเสียทีเดียว
อีกอย่างนึงที่ผมรู้สึก คือการจัดลำดับจานที่ทีมงานของเราค่อนข้างงง Element เปิดคอร์สมาด้วยรสอ่อนๆสักจาน ขั้นด้วยรสจัดสักจาน ก่อนกลับไปรสอ่อนมากๆอีกสองจาน เเล้วโดดไปจานที่รสจัดจ้านมากๆในเมนท์คอร์ส ซึ่งส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยต่อเนื่องมีความเป็นคอร์สสักเท่าไหร่ เเละรสชาติของเมนคอร์สนั้นดูโดดหลุดออกมาจากอาหารทุกจานในคอร์สเลยทีเดียว
ในส่วนของการบริการ Element ทำได้ดีทีเดียวครับ การบริการมีมาตราฐานสมกับความเป็นโอคุระเเละร้านอาหารลือชื่อ ทั้งการหมั่นสอบถามรสชาติที่ผมว่ามากจนถึงระดับที่บางคนอาจจะไม่ชอบไปได้เลย การเก็บเศษขนมปัง การเก็บผ้าเช็ดปากเเละเก้าอี้เวลาเราเข้าห้องนำ้ เเต่มีจุดเล็กๆน้อยๆที่ผมไม่ชอบอย่างอุณหภูมิเเอร์ที่ค่อนข้างร้อนไปสักนิด หรืออย่างเมื่อถามถึงรายละเอียดอาหารที่นอกสคิป ทางสต๊าฟจะติดสตันท์เเละตอบเเบบงงๆทันที ตัวอย่างเช่น ผู้เขียน“อะไรที่ออนท็อปอยู่ข้างบนจานนี้ครับ” บริกร“ผักคะ” ถถถถถรู้เเล้วว่าผัก ผักอะไรละครับบบบ ถ้าเทียบกันเเล้วผมว่าการอธิบายอาหารของร้านทางฝั่งยุโรปจะดูน่าสนุกกว่ามากเพราะบริกรจะอธิบายด้วยความเข้าใจเเละเปลี่ยนมาเป็นสำนวนเฉพาะตัว โดยเฉพาะร้านอาหารในอัมสเตอร์ดัมร้านนึงผมเคยเจอการอธิบายอาหารจานนึงเหมือนคุยเล่นกันมากกว่า คุยไปคุยมาตั้งเเต่เชฟได้เเรงบังดาลใจจากอะไรเมือไหร่ยังไง วัตถุดิบนี้เอามาจากไหน ยันเทคนิคการปรุง รวมๆเเล้วสองสามนาทีก็มี
สำหรับเมนูของ Element นั้นจะมีสองคอร์สคือ คอร์สเล็กในราคา 4000 และ คอร์สใหญ่ในราคา 4400 ซึ่งนับว่ามีราคาไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับคุณภาพวัตถุดิบ สถานที่ ปริมาณที่ให้ในเเต่ละจาน ซึ่งในวันนี้ผมได้ ผมได้สั่ง Matsu คอร์สในราคา 4400บาท จะมีอะไรบ้างไปดูจากรูปได้เลยครับ
เครื่องดื่มล้างปากของเราเป็นคอมบุฉะ KombuchaของElementsยอดเยี่ยมมากครับ หวานเปรี้ยวกำลังดีไม่เหม็นกลิ่นของดอง มีรสหวานของน้ำผึ้งเเละความหอมกลิ่นกุหลาบที่ปลายลิ้น อร่อยจนอยากขอสูตรเลยทีเดียวครับ
มาถึงในส่วนของ Amuse Bouche กันบ้างโดยพนักงานจะยกมาทีตูมเดียว
ก้อนกลมๆคือขนมปังกับครีมUni ที่ถูกตีขึ้นด้วยเทคนิคเอสพูม่า และCompoteบ๊วยก่อนโรยหน้าด้วยฟูริคาเคะ คำนี้อร่อยเลยครับ ครีมเอสพูม่าอูนิเเสนครีมมี่เค็มอมหวานตัดกับรสเปรี้ยวหวานของบ๊วยได้อย่างพอดี เพิ่มความกลมกล่อมอูมามิด้วยฟูริคาเคะด้านบน นับเป็นคำที่ลงตัวดีเลยครับ
อีกคำนี่เป็นกระทงทองโอโคโนมิยากิ ทำมาได้เก๋ดีเลยครับเเละรสชาติดีทีเดียว กระทงทองแป้งกรุบๆกับไส้ตรงกลางรสเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นขิงจางๆ ชวนให้นึกถือโอโคโนมิยากิจริงๆ ผมชอบเลยนะ
คำนี้คือเเครกเกอร์ข้าวเกรียบผสมถ่านกับทูน่า ตัวเเป้งบางกรอบเเบบข้าวเกรียบกัดปุ๊ปละลายปั๊ป ทูน่าติดรสเค็มนิดๆ ซอสเปรี้ยวหวานคล้ายพิซซ่า ใช้ได้เลยครับ
คำต่อมาเป็นเเครกเกอร์สาหร่ายกับเต้าหู้มิโซะและซอสนิซึเนะผสมยูซุ คำนี้ผมว่าการจับคู่ของที่รสอ่อนอย่างเต้าหู้นั้นทำได้ไม่ค่อยดี ผมได้เเต่กลิ่นเเป้งเเคร็กเกอร์เต็มปาก
มาถึงขนมปังและเนยกันบ้าง ขนมปังของทางร้านนั้นผมว่าค่อนข้างอร่อยเลยครับ โดยเฉพาะตัวเนยผสมมิโซะเเละสาหร่ายรมควันที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แปลกอร่อยดี
ในส่วนของขนมปังนั้นมี ขนมปังผสมคิโนโกะ ขนมปังชาโคล เเละครัวซองครับ(ไม่มีในรูป )
จานเเรกในวันนี้คือ Toro tuna เป็นคาปัชโช่ชูโทโร่กับหอยนางรมดิบเเละครีมหอยนางรม รับประทานกับผักดองสารพัดชนิดเเละซอสเบลอบล็องที่ทำจากดาชิเเบบญี่ปุ่นผสมเเชมเปญ จานนี้ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้เลยครับ อร่อยมาก การจับคู่ชูโทโร่ที่มีความมันนิดกับหอยนางรมอันเเสนหวานที่มีกลิ่นทะเลนิดๆนั้นลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ รสหวานของซีฟู้ดคุณภาพดีถูกชูให้เด่นขึ้นมาด้วยซอสเบลอบล็องที่ยอดเยี่ยม มันมีรสเค็มแบบญี่ปุ่นด้วยดาชิและรสเปรี้ยวปลายลิ้นเเบบตะวันตกหน่อยๆ ก่อนจะตัดความมันของซอสด้วยความเปรี้ยวหวานของผักดอง ที่มีลูกเล่นนิดนึงคือการดองในสองสไตล์ทั้งเเบบญี่ปุ่นเเละตะวันตก ก่อนจะเพิ่มกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นขึ้นอีกนิดด้วยพอนซึเจลลี่ จานนี้ผสมผสานญี่ปุ่นเเละตะวันตกได้อย่างลงตัวในจานเดียวยอดเยี่ยม
จานต่อมาในวันนี้เป็น JAPANESE SEA จานนี้มีส่วนประกอบคือโฟมที่ทำจากหอยอาซาริ ซอสแอชโชวี่ เนื้อปลาหมึกยักษ์ ปลาฮามาจิ หอยเชลล์ และสาหร่ายสด จานนี้มีความสนุกจากวัตถุดิบที่หลากหลาย เเต่ส่วนตัวผมว่ากลิ่นอายความเป็นทะเลของโฟมหอยอาซาริถูกกลิ่นของเเตงกวาดึงความเด่นเอาไปเสียหมดจนพุดว่าเป็นทะเลได้ไม่เต็มปาก สาหร่ายสดเองก็ถูกโฟมกลบเท็กเจอร์ไปจนหมด รสชาติครึ่งๆกลางๆจะทะเลหรือแตงกวาดีนี่จานนี้
จานต่อไปเป็น หอยเชลล์จากฮ็อกไกโดย่างกับซอสวอเตอร์เครส ออนท็อปด้วยอิคุระเเละ ครัมเบิ้ลจากมันฟรั่ง คำนี้หอยเชลล์ย่างมาได้ดีมากๆๆครับ สุดกรอบที่ผิว เนื้อหอยเชลล์ด้านในสุกกำลังดีมีรสหวาน รสของหอยเชลล์ถูกชูให้เด่นชัดด้วยอิคุระรสเค็มเเละซอสวอรเตอร์เครสที่ขมนิดๆ เเต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดในจานนี้คือมันฟรั่งครัมเบิ้ลที่มาเป็นชิ้นเล็ก ที่ช่วยเพิ่มมิติในปากให้กับจานนี้ได้อย่างมีชั้นเชิงเเละกลิ่นมันฟรั่งยังเข้ากับหอยเชลล์ได้ดีอีกด้วย
จานนี้คือ เมดิเตอรเรเนียนซีบาสห่อด้วยสาหร่าย รับประทานกับดาชิผสมยูสุออย ข้างบนท็อปด้ว “ผักคะ”(ความจริงคือลีค) ด้านล่างใส่ปลาหมึกยักษ์ฝานบางๆ ส่วนตัวผมไม่ชอบจานนี้ เพราะตัวปลาเท็กเจอร์เเปลกๆกึ่งสุกดิบ จับคู่กับปลาหมึกยักษ์ที่เเม้จะปรุงมาได้ดีนุ่มไม่เหนียวเเต่ผมว่าไม่มีก็ไม่ทำให้องค์ประกอบในจานนี้หายไป ตัวซอสดาชินั้นรสคล้ายๆซอสบะหมี่เย็นเค็มจนกลบความหวานของปลาเเละรสจัดหนักจนค่อนข้างเลี่ยน สำหรับกลิ่นส้มยุสุออยนั้นไม่ค่อยได้กลิ่นถ้ามียุสุคงจะดีกว่านี้
เนื้อจานนี้พนักงานบอกกับเราว่าซูวีมาสี่สิบเเปดชั่วโมง โดยเชฟเลือกเสริฟ์เป็น Short rib ตัวเนื้อเสริฟ์มาพร้อมกับ หัวเทอนิฟ หน่อไม้ฟรั่ง เเชลลอตพิวเร่ ครัมเบิลจากมันฟรั่ง จานนี้ผมว่าเลี่ยนจนเกือบทานไม่หมด รสจัดเข้มข้นเกินไป ตัวซอสขาดมิติในรสชาติไปสักนิด ทำได้ดีเเต่ยังไม่รู้สึกว้าวเเบบห้องอาหารฟรั่งเศสมิชลินสตาร์ทุกเเห่งในไทย เป็นจานที่ค่อนข้างเรียบไปนิดเมื่อคำนึงถึงจานอื่นๆในคอร์ส จานนี้ทำให้ผมรู้สึกถึงบุตะคาคุนิที่รสเข้มมากๆ โดยส่วนตัวไม่ประทับใจครับ
พาเลทคลีนเซอร์ของเราเป็น กระดาษกินได้ทำจากข้าวญี่ปุ่น ตบเเต่งด้วย บัลดออเร้นจ์ เมอเเรงค์ เเคนเบอรรี่เเยม เเละถั่วพิทาชิโอ้ ใช้ได้เลยครับรสเปรี้ยวนิดหวานหน่อยจากส้มเเละเเครนเบอรรี่ ความกรุบๆของถั่วพิทาชิโอ้ ครีเอททีฟดีและอร่อยดีเลยนะ ถ้ากระดาษนั้นบางลง ส่วนตัวว่ากระดาษหนาไปนิดทำให้เท็กเจอร์เเปลกๆไปบ้าง เหมือนกินกระดาษจริงๆซึ่งไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าใดนัก
ขนมหวานจานเเรกของเราคือเเมงโก้ซอเบท รับประทานกับ ยุสุเคิร์ท(curd) เมอเเรงค์ ครัมเบิล ก็อร่อยดีครับ ส้มยุสุกับมะม่วงให้รสเปรี้ยวหวาน มีครัมเบิลช่วยเพิ่มเท็กเจอร์ เเต่ไม่ได้รู้สึกว้าวเเตกต่างจากที่อื่น
อีกจานเป็นดาร์คช็อคโกเเลตมูส เสริฟ์มาพร้อมซอสงาดำ ยุสุเจล ยุสุเจลลี่ กล้วยเคลือบน้ำตาลทราย น้ำตาลเเห้งจากผลอินทผลัม เเละช็อคครัมเบิล ส่วนตัวผมชอบจานเเรกมากกว่าครับจานนี้รสของมูสที่ออกขม ค่อนข้างคอนทราสกันเเรงไปนิดกับสารพัดส้มยุสุที่เปรี้ยวโดด ยิ่งเพิ่มความขมของครัมเบิ้ลด้วยยิ่งเเล้วกับไปใหญ่ เเม้จะมีกล้วยที่หวานมากๆพยายามมาช่วยตัดรสเเล้วก็ตาม ขนมจานนี้เเต่ละชิ้นกินเดี่ยวๆคงจะอร่อยดีเลยนะครับเเต่พอมารวมเป็นจานเดียวกันเเล้ว ผมรู้สึกถึงความไม่กลมกลืนเป็นอาหารจานเดียวกันในขนมหวานชุดนี้
สำหรับ Peitifour ของ Elements ผมค่อนข้างผิดหวังครับ ประกอบด้วย
มาการองสองสีเป็นงากับอัลม่อนใส่ไส้ยุสุ ตัวนี้อร่อยครับรสเปรี้ยวของไส้ตัดกับรสหวานอย่างลงตัวหอมกินงาเเละยุสุ
มันทฉะมูสกับยุสุคาเวียร์ คำนี้ครีมมี่ติดเปรี้ยวนิดๆ เเต่ผมไม่ได้กลิ่นของมัทฉะกะยูสุเลย
วาเลนเซียเค้กกับส้มยุสุ
ดาร์คช็อคโกเเลต ด้านในมีไส้กรอบๆโดยส่วนตัวว่าหวานไปนิดครับ
🍾Service: 7.75/10
🍽Food: 7.25/10
🤩WOW factor: 7/10
💰Value for money: 7.5/10
Total: 7.25/10
🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/qCmcN6shk6qVdEam7
⏰เวลาเปิดปิด: 18.00-22.30
💵ค่าเสียหาย: ~5500 baht / Person
⌨️เว็บไซต์ร้าน:www.okurabangkok.com/
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comments