ร้าน IGNIV Bangkok สาขาของร้านอาหารชื่อดังระดับโลก
ร้านนี้เป็นร้านนึงที่ผมตั้งหน้าตั้งตารอมากินมากๆ เพราะตั้งแต่ได้ยินข่าว POPUP เมื่อปลายปีที่แล้วที่เพื่อนหลายๆ ท่านของผมไปทานกันแล้วชอบมากๆ
โดยสรุป สำหรับ IGNIV ผมคิดว่าเป็นร้านที่มีความคุ้มค่ามากๆ กับเซ็ต 1,900++ในเวลากลางวัน อาหารโดยรวมมีรสจัดจ้าน มีหลายจานที่ว้าวชอบมากไปเลยและหลายจานที่ผมคิดว่าองค์ประกอบยังไม่ค่อยลงตัว จนพาลคิดว่าตอนแรกนี่คือมื้ออาหารที่ดีสุดของปี จะมาตกม้าตายตอนจบง่ายแบบนี้ไม่ได้ ต้องกลับไปลองให้หายคาใจ
สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งธรรมชาติ นาฬิกาและช็อคโกแลต แต่ประเทศแห่งนี้ยังมีเพชรเม็ดงามอีกเม็ดนึงคือ “Schloss Schauenstein” (Michelinstar 3*, World 50 best, 19 Gault Millau) ของ Andreas Caminada เชฟมิชลินสตาร์สามดาวที่เด็กที่สุดในยุโรป ร้านพิเศษในใจของ ANDY Hayler ชายผู้เคยไปร้านมิชลินสตาร์สามดาวมาแล้วทั้งโลก
สำหรับ IGNIV Bangkok นับเป็นสาขาแรกนอกประเทศของ Andreas Caminada ตามหน้ารุ่นพี่อย่าง Bad Ragaz (มิชลินสตาร์ 2*, Gault Millau 18), St.Moritz (มิชลินสตาร์ 2*, Gault millau17) และที่เพิ่งเปิดก่อนหน้าไปไม่นานกับสาขา Zürich น่าสนใจเหมือนกันว่า IGNIV สาขานี้จะเจริญรอยตามรุ่นพี่ และคว้าดาวมาครอบครองได้ไหม
ความพิเศษที่ทำให้ IGNIV โดดเด่นคือ “Sharing Cusine” หรือการแบ่งอาหารจานกลางทานด้วยกันที่เป็นสิ่งที่แปลกตาในวงการ Fine Dining แต่ก็ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ผมพบว่าประสบการณ์แบบนี้ทำให้เราเกร็งน้อยลง ใกล้ชิดและสนทนากับเพื่อนร่วมโต๊ะมากขึ้น
สาขาในไทยนี้คุมทีมโดยเชฟ David Hartwig เชฟชาวสวิสที่เคยผ่านงานในร้านดังระดับโลกอย่าง Schloss Schauenstein และ Maemo ร้านโปรดของผม ส่วน Souschef อย่างเชฟ Arne Riehn นั้นก็ไม่ธรรมดา นอกจากจะรวมทีมกับเชฟAndreasในสวิสมาก่อน ยังเคยผ่านงานในเพชรเม็ดงามของเยอรมันอย่าง ร้าน Vendôme มาก่อน
เมนูของ IGNIV จะเป็นเซ็ตเมนูแบบ Sharing โดยจะมี 3 คอร์ส 4 คอร์ส และ 5 คอร์ส ในแต่ละคอร์สจะมีจานย่อยๆ อีกสองถึงสี่จาน ไม่รวมขนมหวานอีก เรียกว่าอย่าให้ตัวเลขจำนวนมาหลอกกัน
ผมเห็นคอร์สน้อยๆในมื้อกลางวัน เลยแอบสั่ง supplement ที่เป็นบรรดา Signature ของเชฟเพิ่ม มีจุกถึงมื้อเย็นครับ โดยส่วนตัวคิดว่ามื้อกลางวันราคา 1,900++ นี้มีความคุ้มค่ามากๆ กับจำนวนจานและคุณภาพอาหารที่ได้รับ
สำหรับอาหารผมต้องบอกว่า IGNIV เป็นร้านที่ผมเขียนรีวิวยากที่สุดในปีนี้ อาหารโดยรวมมีรสจัดจ้าน เข้าถึงได้ง่าย เทคนิคการปรุงที่ดี มีการใช้เลมอนเจลรสเปรี้ยวตัดรสในหลายๆ จานให้ไม่หนักเกินไปนัก หากถ้าไม่ใช้เลมอนเจลแล้ว เชฟอาจจะเลือกใช้องค์ประกอบที่มีกลิ่นเอิร์ธตี้อย่าง หัวไชเท้า ราดิช หรือมัสตาร์ดในการบาลานซ์จานอาหาร ตัววัตถุดิบอาจจะไม่หรูหรามากนักตามราคา มีหลายจานที่ผมชอบมากๆ โดยเฉพาะ Amuse Bouche ที่ถ้าให้คะแนนเฉพาะส่วนนี้ผมคงให้ 10/10 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมื้อค่อยๆ ดำเนินไป ผมพบว่าหลายๆ จานองค์ประกอบยังไม่ค่อยลงตัว รวมถึงหลายๆ จานผมว่าการปรุงนั้นยังไม่ปราณีตพอ ปกติผมมันจะไม่ค่อยวิจารณ์รสว่าเค็มไป หวานไป หรือเปรี้ยวไป ยกเว้นว่ามันมากจริงๆ
ในส่วนของไวน์แพร์ริ่ง คุณยงค์ยุทธ Sommelier ของร้านได้แนะนำไวน์ที่ราคาไม่สูงนัก ราวแก้วละสองถึงสามร้อยบาท และมีคุณภาพดีเข้ากับอาหารได้ดี นับเป็นอีกจุดที่ผมชอบ พักหลังร้านในไทยขาย Wine Pairing กัน Overprice มากๆ ครับ ราคาแรงจริงๆ ครับ
เรื่องการบริการยังดูไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางครับไม่ใช่บริการไม่ดีนะครับ แต่เพราะเปิดใหม่การบริการอาจจะยังไม่เข้าทีครับ ตัวบริกรให้ข้อมูลไม่ค่อยชัดเจน และมีความผิดพลาดในสองสามจาน สลับ Daikon กับ Radish เป็นต้น อาจจะดูเป็นจุดเล็กๆ แต่สำหรับร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจมากกว่านี้
หากมีโอกาสผมคงกลับไปเยือน IGNIV อีกแน่นอน โดยเฉพาะมื้อกลางวัน ในมื้อนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปครับ
Course แรกของเรา เป็น Snack จะเสิร์ฟมาทีเดียวสามจานครับ โดยมี
จานแรกเป็น โยเกิร์ต บีทรูทกรานิต้า น้ำมัน Chives และมันเสิร์ฟมาแบบเย็น เป็นจานที่เรียกว่าอร่อยอย่างน่าทึ่งครับ ไม่คิดว่าจานเรียบๆ แบบนี้จะอร่อยขนาดนั้น โยเกิร์ตทำมาได้ดีมากเนื้อนุ่มมันเค็ม เปรี้ยวนิดๆ ตัดกับกลิ่นดินอันเข้มข้นของกรานิต้า ก่อนตบด้วยกลิ่นอยากอาหารของน้ำมัน Chives สิ่งที่น่าประทับใจคือกลิ่นของ Chives เข้ากับโยเกิร์ตได้ดีมากๆ เป็นจานเปิดที่ยอดเยี่ยม
จานต่อมาเป็นทาร์ตที่ผสมเห็ด เจลน้ำมันมะกอกกับแบล็คทรัฟเฟิล ตัวแป้งทาร์ตมีรสเค็มอ่อนค่อนข้างนิ่มทำให้เวลาเคี้ยวกับเจลแล้วไม่ตัดกันไปมากนัก กลิ่นเขียวนิดๆ มันหน่อยๆ จากน้ำมันมะกอก เข้ากับทรัฟเฟิลที่หอมละมุนได้ดีมากๆ เป็นอีกคำที่ทำได้เพอร์เฟ็กต์และยากจะเลียนแบบครับ
คำต่อมา โรลหัวไชเท้ากับเจลปลาแมคเคอร์เรล ผงถั่วเขียวและเลมอนเจล เลมอนเปรี้ยวหวานตัดกับเจลรสมันเค็มมีกลิ่นปลาบางๆ ตัวหัวไชเท้าที่พันให้กลิ่นเอิร์ธตี้นิดๆ และรสเค็มอ่อน
คำสุดท้ายเป็นหัว Kohlrabi โรลกับครีมและสารพัดสมุนไพร ตัวครีมรสเปรี้ยวอมหวานตัดกับ Kohlrabi ดอง muj เปรี้ยวเด่น สารพัดสมุนไพรโดยเฉพาะผักชีลาวช่วยสร้างความสดชื่นและมิติให้กับคำนี้ เป็นอีกคำที่ทำได้ดีครับ
ขนมปังที่นี่เสิร์ฟมาร้อนมากๆ ครับ โปรดระวัง มีสามตัวให้เลือกคือ multigrain, baguette และ minipretzel เสิร์ฟกับเนยผสมโยเกิร์ตทำเอง ขนมปังทำได้อร่อยทุกตัวครับ ดีมากๆ เสิร์ฟมาร้อนๆ เนื้อค่อนข้างนุ่ม ตัวที่ผมชอบมากๆ คือมัลติเกรนที่มีความหอมธัญพืช ความกรุบๆ ที่ผิวของเมล็ดพืชต่างๆ ตัดกับความนุ่มของเนื้อขนมปัง ประทับใจครับ
สตาร์ทเตอร์ของเราเป็น ทาร์ทาร์เนื้อวัว ทรัฟเฟิลมาโย ซอสวินิเกรต ก่อนออนท็อปด้วยราดิช รับประทานกับ ชิปส์ Igniv จานนี้อร่อยมากๆ เป็นทาร์ทาร์ที่อร่อยที่สุดในชีวิตจานนึง เปรี้ยวมันเข้าเนื้อรสหวานกลมกล่อมมากๆ กลิ่นหอมชวนหิวจางๆ จากทรัฟเฟิลช่วยเพิ่มมิติให้กับจานนี้ ก่อนตัดด้วยรสดินของราดิชเพื่อไม่ให้เลี่ยนไปแต่ไม่มากไปนัก เพิ่มความสนุกด้วยเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบหอมกลิ่นมันฝรั่งจากชิปส์สูตรพิเศษของทางร้าน ยิ่งทำให้จานนี้เป็นจานที่อร่อยมากๆ ครับ
จานนี้เป็นจานที่ผมเรียกว่าเกือบจะไร้ที่ติครับ ปลากระพง เซวิเช่ ซอสมัลเบอร์รี่ ชมพู่ เลมอนเจล เมื่อเข้าปาก กลิ่นมะนาวเด่นนำมา ตามด้วยความฉุนของหอมแดง ตัดกับเนื้อปลากระพงที่หวานมันนิดๆ คิดว่าถ้าเชฟใช้เนื้อปลาที่บ่มน่าจะทำให้รสมีมิติมากขึ้น ก่อนตบท้ายด้วยรสฝาดอ่อนๆ ของชมพู่ทิ้งท้าย รสเปรี้ยวอมหวานของมัลเบอร์รี่ที่คลุ้งอยู่ในปากเป็นตัวผสมผสานให้ทั้งจานนี้กลมกล่อมลงตัว กลิ่นของแต่ละองค์ประกอบชัดเจนแต่สมดุลดี
จานนี้เสมือนเป็นสลัดครับ ประกอบด้วย ผักหอม มัสตาร์ด และมายองเนส น้ำสลัดจากะหล่ำแดง ออนท็อปด้วย Lardo จานนี้ถือว่าโอเคเลยครับ ผักที่กรุบกรอบเขียวๆ เข้ากับความมันฉุนของมัสตาร์ดและมายองเนสได้ดี นำ้ราดกระหล่ำแดงให้รสเปรี้ยวหวานนิดๆ ก่อนตบท้ายด้วยความมันสโมคกิ้งของ Lardo
คำนี้เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านที่สั่งเพิ่ม Igniv Caviar Tart ทาร์ตมูสปลา เลมอนเจล คาเวียร์
คำนี้มีความมันๆ หอมกลิ่นสโมคกี้ มีรสเครื่องเทศเผ็ดร้อนนิดๆ รสเค็มของคาเวียร์ตัดกับเปรี้ยวหวานเลมอนเจล ตัวแป้งทาร์ตไม่แข็งมาก ทำได้ดีเลยครับ
จานที่สั่งเสริมอีกจานของเราเป็น ปลาฮามาจิเสิร์ฟมาแบบดิบ พร้อมกับหัวไชเท้า อโวคาโด้ เอเชียซอส และเลมอนเจล ตัวปลาทำมาได้ดีน่าสนใจครับ เนื้อนุ่มมันเข้มข้นหอม พริกไทยดำกรุบๆ ร้อนๆ ที่ผิวก็ดี ตัวซอสเอเชียนี้รสดูแปลกๆ คล้ายๆ เทริยากิผสมซอสฮอยซิน ยิ่งมากินในประเทศเอเชียแล้วด้วยผมว่าไม่เข้ากับรสพริกไทยและรสหวานอมเปรี้ยวเลมอนเจลเลย ส่วนตัวคิดว่าเป็นจานที่ไม่ชอบที่สุดในมื้อนี้
Soup ประจำวัน เป็นจานที่เราสั่งเพิ่ม ในวันนี้เป็น Bisque ลังกุสตีน รับประทานกับราวิโอลี่ปู จานนี้เป็นจานที่ผิดหวังที่สุดในมื้อครับ ตัวราวิโอลี่ถือว่าทำมาได้ดีมากๆ ขนาดกำลังดีแป้งหนึบแต่ลื่นคอ มีเนื้อปูเต็มปากเต็มคำ แต่การเอา Bisque ที่มีความครึ่งกลางๆ เจือกลิ่นต้มยำ มาขายในไทยนี้เป็นความคิดที่เสี่ยงมาก ตัวซุปมีกลิ่นผักชีฝรั่ง มีความเป็นต้มยำผสมกับล็อปสเตอร์บิส เนื้อครีมมี่เข้มข้นแบบ Bisque แต่โปร่งหอมตะไคร้ยังดูขัดๆ กัน ส่วนตัวว่าเป็นจานที่ยังไม่ค่อยลงตัวครับ
จานหลักเราเป็นสะโพกไก่หมักชีสนานแปดชั่วโมงก่อนนำไปย่าง รับประทานกับซอสจากน้ำไก่ เสิร์ฟพร้อมกับบีทรูทดอง เรดิช ส่วนเครื่องเคียงมีบัทเตอร์นัทพิวเร่ บัทเตอร์นัทย่างโฟม วินิแกรต แบล็คการ์ลิคพิวเร่ ตัวไก่ทำได้เกือบจะเพอร์เฟ็กต์ครับ เท็กซ์เจอร์นุ่มดีมาก เนื้อฉ่ำน้ำ หอมกลิ่นควัน ตามมาด้วยรสเค็มของชีส หนังกรอบนิด ตัดกับสารพัดผักรสเปรี้ยวหวาน และขมเอิร์ธตี้ มีกลิ่นเลมอนที่ปลายจมูกนิดๆ ติดที่ผมว่าเค็มไปนิดจนทำให้จานนี้ดูไม่ค่อยสมดุล
ตัวเครื่องเคียงทำได้อร่อยมากๆ ทุกตัวครับ และแต่ละตัวรสต่างกัน เยี่ยมมากๆ เครื่องเคียงอาหารจานหนักที่ทำให้ผมชอบขนาดนี้มีไม่มากนัก ตัวพิวเร่หอมผงกะหรี่เผ็ดนิดๆ ตัดกับรสหวานของบัทเตอร์นัทย่าง รสเปรี้ยวอมหวานของวินิแกรต รสเค็มของโฟมที่ออกกลิ่นก่อน กระตุ้นความอยากอาหารด้วยแบล็คการ์ลิคพิวเร่ เป็นเครื่องเคียงที่ทำได้ดีไม่แพ้จานหลักเลยครับ
ยอดโกโก้และเปลือก รับประทานกับโฟมเชอร์รี คนส่วนใหญ่อาจจะงงว่าโกโก้ที่เราทานส่วนใหญ่คือไส้ แต่ความจริงเปลือกและยอดของมันก็ทานได้ และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ครับ รสหวานอมเปรี้ยวหอมเชอร์รีตัดกับกลิ่นไหม้และความกรุบกรอบ
เชอร์เบ็ทมะพร้าว ทำมาได้ดีเนื้อเนียนหอมมากๆ ครับ รสมันนิดหวานกำลังดี ผมชอบเลยครับ แต่ว่ามันจะดูธรรมดาไปไหมถ้าเทียบกับอาหารในมื้อนี้
จานสุดท้ายเป็นทาร์ตช็อคโกแลตและเจลมะม่วง เจลเลมอน ตัวทาร์ตดี ช็อคโกแลตครีมหอมมากๆ แต่ตัวที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นเจลมะม่วง เจลมีความครีมมี่หอมมากๆ หวานกำลังดี ถือว่าทำมาได้ตามมาตรฐานร้านครับ
🍾Service : 7.75/10
🍽Food: 7.75/10
🤩WOW factor: 7.5/10ig
💰Value for money: 8.5/10
Total: 7.75/10
🗺เเผนที่ : https://g.page/IGNIV_Bangkok?share
⏰เวลาเปิดปิด: WED-SUN 12–3PM, 6–11PM
💵ค่าเสียหาย: ~1500 Baht
⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.ignivbangkok.com/
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comments