คาชิวายะเป็นร้านอาหารคัปโปะ (Kappo) ไคเซกิ(Kaiseki) ชื่อดังจากเมืองโอซาก้าที่โด่งดังไกลจนไปเปิดสาขาข้ามน้ำข้ามทะเลถึงฮ่องกง
คาชิวายะนั้นได้รับการยอมรับจากมิชลินไกด์เป็นอย่างมาก โดยได้ครอบครองดาวสามดวงอันทรงเกียรติมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ Kashiwaya ก็ยังได้รับคะเเนนรีวิวค่อนข้างสูงถึง4.19จากเว็บไซต์ชื่อ ดังอย่างTabelog หรือเเม้เเต่สาขาลูกที่ฮ่องกงก็ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์สองดวงเช่นกัน
เเต่ทว่าในทางตรงกันข้ามฟู้ดบล็อคเกอร์ชื่อดังอย่าง Andy Hayler (ชายผู้ไปเยือนร้านมิชลินสามดาวทุกเเห่งคนเเรกในโลก) นั้นกังขาถึงร้านนี้ว่าค่อนข้างจะ Overateไปนิด ทำให้ผมค่อนข้างสงสัยพอสมควรว่าร้านนี้ควรค่าเเก่การมาลองไหม (https://www.andyhayler.com/restaurant/kashiwaya)
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยเวลาการทำจองเเละreserachในระยะกระชั้นชิดไม่ถึงสัปดาห์ก่อนไปเดินทาง(จริงๆราวสี่วัน) รวมถึงเป็นช่วงเวลาโกลดเด้นท์วีค ทำให้อีกตัวเลือกอีกหลายๆร้านของผมอย่างเช่นKoryu , Fujiya1932 ,La cime นั้นหยุดหรือไม่ก็เต็มหมดเเล้ว เเต่ทางคาชิวายะก็สามารถหาโต๊ะให้ผมได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องขอบคุณมากๆครับ
คาชิวายะในปัจจุบันนั้นอยู่ภายใต้การบริหารของ เชฟโอนเนอร์รุ่นที่สอง อิเดอากิ มัสสึโอะผู้ซึ่งจบ ปริญญาสาขาฟิสิกมา !!! โดนเขาต้องการนำความเป็นตะวันตกสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกับอาหารของร้านภายใต้ค่อนเซป อาหารญี่ปุ่นเเห่งวันพรุ่งนี้ เเต่มันช่างดูย้อนเเย้งยิ่งนักเมื่อเชฟกลับมีความหลงในประเพณีโบราณอย่างชงชาเเละวัตนธรรมเก่าเเก่อื่นๆของญี่ปุ่น ทำให้มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าอาหารที่คาชิวายะจะเป็นเช่นไร
สำหรับมื้ออาหารที่ร้านคาชิวายะนั้นเราจะรับประทานอาหารในห้องส่วนตัวทุกโต๊ะ ที่โดดเด่นเเต่ผมไม่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมเห็นจะเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้ขนาดใหญ่ ที่เป็นงานเครื่องไม้ฝีมือศิลปินชื่อดังของญี่ปุ่น เเต่สำหรับห้องสำหรับสองคนจะใช้ห้องพิธีชงชาในการเสริฟ์
โดยในมื้อเย็นที่ผมไปนั้นอาหารของคาชิวายะมีราคาเริ่มต้นที่ 16,000เยนจนถึง40,000เยน ในขณะที่มื้อกลางวันมีราคาเริ่มต้นที่ 10,000เยน ไม่รวมค่าบริการ10% และภาษีอีก8% หากเป็นไปได้เเละมีเวลาในช่วงกลางวัน มื้อเที่ยงก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่ามากครับ เเต่อย่างไรก็ดีทำเลที่ตั้งของร้านค่อนข้างจะอยู่ห่างย่านสถานที่ท่องเที่ยว อาจจะทำให้วางเพลนตารางโปรเเกรมของทุกท่านได้ลำบากนิดนึง
ส่วนสาเกเเพร์ริ่งสนนราคาที่11,000เยน ซึ่งผมเเนะนำว่าอาจจะดูเเพงเเต่เมื่อเทียบกับสาเกที่เสริฟ์เเล้วมีความคุ้มค่ามากๆครับ สาเกหลายตัวไม่ได้หากินง่ายๆเเละมีขายเฉพาะร้านที่ได้รับเลือกเท่านั้น ที่ยอดเยี่ยมมากๆคือการจับคู่สาเกที่ผ่านการคิดอย่างปราณีตซึ่งเข้ากับกับอาหารทุกจานมากๆครับ
ในเย็นวันนั้นผมขึ้นรถไฟใต้ดินสายMidosuji จากShinsaibashi ไปยัง Esaka ก่อนจะนั่งเเท็กซี่ไปยังร้านคาชิวายะที่เซนริยามะ เนื่องจากความจำเป็นบางประการทำให้ผมไปต้องโทรไปเลื่อนเวลานัดกับทางร้าน ถึงผมไปถึง Kashiwaya สายกว่าเวลาพอสมควรเเต่เมื่อถึงจะมีพนักงานยืนรอต้อนรับเราที่หน้าร้านทันทีที่ลงแท็กซี่ตรงนี้ประทับใจมากๆครับ
การบริการของคาชิวายะเรียกได้ว่าเกือบเพอร์เฟค บริกรหญิงสองท่านที่ดูเเลผมนั้นมีความใส่ใจในรายละเอียดเเละมาตราฐานที่สูงมาก การเคาะประตูก่อนเสริฟ์อาหารทุกรอบ การเช็ดโต๊ะที่เลอะทุกรอบ ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นของฝากของผมที่ทางบริกรเสนอว่าไม่ใส่กล่องดีกว่าไหมเพราะพรุ่งนี้ผมต้องเเพคของขึ้นเครื่องบินจะสะดวกกว่า ความพยายามในการสื่อสารภาษาอังกฤษ การอธิบายรายละเอียดของอาหารต่างๆ เเม้บริกรท่านนั้นจะมีอายุกว่าสี่สิบปี เกล็ดความรู้ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่างๆและความละเอียดละออในจานอาหาร ที่บริกรท่านนั้นพยายามจะนำเสนอเเสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในระดับสูงสุด
ผมได้สั่งเซทอาหารชุดพิเศษฉลองการเปลี่ยนรัชสมัยเป็นเรย์วะไว้ล่วงหน้ารวมถึงสาเกเเพร์ริ่ง จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ
จานเเรกที่มาเสริฟ์นั้นคือปลาฮาโมะหรือ pike eel ที่ผ่านการปรุงรสเล็กน้อย เสริฟ์มาพร้อมกับ คิโนะเมะ(Kinome) โคชิอะบุระ(Koshiabura) เเละเมียวกะ(Myouga) ปลาฮาโมะนั้นปรุงให้ดีค่อยข้างยากมากๆครับ โดยตัวปลาฮาโมะของคาชิวะยะมีมาตรฐานการเตรียมที่ยอดเยี่ยมไม่มีความรู้สึกของก้างหลงเหลือ มีรสหวานในตัวเนื้อปลาเเละความหนึบหนับของหนัง จานนี้ปรุงรสมาเล็กน้อย ให้เราได้รับความหวานของเนื้อปลาอย่างเต็มด้วยการชูรสจากผักรสฉุนเเบะน้ำส้มสายชูเล็กน้อย
รับประทานคู่กับสาเก Meikyoshisui nama junmaiginjo ที่เสริฟ์มาเเบบเย็นซึ่งมีรสค่อนข้างหวานเเละอโรม่าของแอปเปิ้ล ช่วยชูรสปลาฮาโมะได้ดีทีเดียวครับ
จานต่อมาเป็นซุปกุ้งอิเซะที่ปรุงสุกอย่างช้าๆ กับฝักทอง เต้าหู้ถั่วเขียวเเละผิวส้มยุซุ จานนี้มีรสค่อนข้างหวานตัวเนื้อกุ้งค่อนข้างนิ่มละลาย หวาน และไม่มีความคาวเลย ผมไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวผมชอบเนื้อกุ้งที่กรอบเด้งมากกว่า เเต่อย่างไรก็ดีเทคนิคการปรุงเนื้อกุ้งของคาชิวายะก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งเข้ากับได้ดีกับซุปที่มีรสเค็มหอมหวานปลายลิ้น ที่น่าทึ่งในจานนี้คือเต้าหู้ผสมถั่วหนึบหนับที่ช่วยชูรสหวานของกุ้งให้โดดเด่นเป็นอย่างมากประทับใจจริงๆครับ
ในจานนี้เราจะรับประทานกับสาเก Hououbiden junmaiginjo ที่เสริฟ์มาเเบบร้อนจึงเข้ากับซุปชามนี้ได้อย่างเเนบเนียน โดยสาเกเเก้วนี้มีรสอ่อนละมุน กลิ่นหอม และ อาฟเตอร์เทสที่สดชื่น ซึ่งช่วยชูรสหวานของเเละมีความหอมเข้ากับเนื้อกุ้งอิเซะเป็นอย่างดี
จานซาชิมิของเราเป็นปลาตามฤดูกาล ประกอบด้วย ปลาไท กุ้งหวานเเละคัสสึโอะรนไฟ เคียงด้วยต้นอ่อนชิโสะเเละวาซาบิ เสริฟ์มาซอส โชยุผสมคอมบุสูตรพิเศษจองทางร้านเเละพอนซึ โดยบริกรของเราเเนะนำให้ทานคัสสึโอะกับพอนซึเเละที่เหลือกับโชยุ ซาชิมิของที่นี้อยู่ในระดับมาตรฐานของร้านอาหารดีๆ เเต่ที่พิเศษออกไป เห็นได้ชัดคือโชยุของทางร้านที่เป็นโชยุสั่งทำพิเศษของทางร้านที่ใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคอมบุหรือปลาโบนิโต้ ซึ่งมีรสชาติกลมกล่อมนุ่มนวลไม่ติดหวานติดลิ้นเป็นเอกลักษณ์
เราจะรับประทานกับ Korkuryu 38 Junmai Daiginjo ซึ่งมีความบริสุทธิ์เเละรสนุ่มนวลมากๆ ทำให้เข้ากับซาชิมิได้ดี
จานต่อมาคือซิกเนเจอร์ของทางร้าน ซูเฟลปูขนของทางร้านที่เรียกว่า Unryuyaki โดยทางร้านจะใส่ไพน์นัทเเละมันหวานเเทนเนยทำให้มีรสชาติของความเป็นอาหารญี่ปุ่น จานนี้โดดเด่นประทับใจเเละมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ซูเฟลเนื้อนุ่มบางเบาร้อนหอมกรุ่นกลิ่นมัน มิริน เเละถั่วจางๆ เข้ากับรสหวานของเนื้อปูขนที่หวานเต็มเปี่ยม เกล็ดน้ำตาลที่อยู่ปากชามช่วยเพิ่มรสหวานนิดๆให้กับจานนี้อย่างลงตัว
โดยเราจะรับประทานกับสาเก Michizakura แบบเย็น ซึ่งมีความเปรี้ยวนิดๆ ช่วยชูรสหวานของเนื้อปูขนได้อย่างนุ่มนวล
จานHassunนั้นเสริฟ์มาบนจานรูปธนูสื่อถึงความเป็นเด็กผู้ชายเพราะวันรุ่งขึ้นนั้นเป็นวันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่น โดยในจานประกอบไปด้วย ซุปถั่วสีเขียวเสริฟ์มาเเบบเย็น Chimaki(ขนมสอดไส้ญี่ปุ่น)สูตรพิเศษของทางร้านที่ใช้ข้าวซูชิเเละเนื้อปลาไท Yahatamakiหรือปลาไหลห่อเบอร์ด็อก แองโชวี่ยัดไส้ Butterbur และถั่วปากอ้าต้ม ที่อาจจะดูธรรมดา เเต่ปรุงออกมาได้ยอดเยี่ยมในทุกจาน โดยเฉพาะ ซุปถั่วที่อร่อยอย่างลึกล้ำจากน้ำดาชิที่ผ่านการปรุงอย่างปราณีตผสมผสานกับความหวานของถั่วที่คงไว้เต็มเปี่ยม และอีกชิ้นที่อยากกล่าวถึงเป็นปลาไหลห่อร้อนกรุ่นเนื้อหวานชุ่มช่ำที่ทำออกมาได้ดีมากๆ
เนื่องจากอาหารจานนี้มีรสชาติค่อนข้างเข้มข้นทางร้านเลยเลือกจับคู่กับสาเกรสชาติหนักเเน่นหวานเข้มข้นอย่าง Yukinobijin Junmai Ginjo โดยส่วนตัวผมว่าจานนี้ควรเลือกสาเกที่มีความโปร่งสดชื่นขึ้นสักนิดน่าจะขับรสตามธรรมชาติของเนื้อปลาได้น่าสนใจกว่านี้
ยากิโมโนะของเราเป็นหอยเป๋าฮื้อย่าง ร้อนกรุ่นหนึบหนับผิวกรอบกรุบๆหอมกลิ่นถ่านนิดๆ ตัวตับเป้าฮื้อนี่น่าทึ่งมากๆไม่มีความคาวเลยเเม้เเต่นิดเดียวเเละปรุงรสมาได้เข้มข้นอร่อยมากๆ น่าทึ่งและอร่อยสุดๆไปเลยครับ
ในจานนี้ทางร้านเลือกที่จะจับคู่กับ Korkuryu junmai ginjo จากจังหวัดฟุคุอิที่เสริฟ์มาที่อุณหภูมิ13องศา ความเย็นกลิ่นของเมล่อนเเละรสหวานนุ่มของสาเกตัวนี้ช่วยชูรสเฉพาะตัวของหอยเป๋าฮื้อได้ดีมากๆ
จานถัดไปเป็นอีกจานที่ผมชื่นชอบที่สุดในมื้อนี้ครับ โดยทางร้านเลือกที่จะเสริฟ์หอยไทระที่ทำให้สุกอย่างช้าๆก่อนจะทำการอะบุริ เคียงคู่กับหน่อไม้ฟรั่งสองสีเเละซอสจากไข่เเดง การจับคู่หอยเเละหน่อไม้ฟรั่งซึ่งเป็นวัตถุดิบที่รสหวานละเอียดอ่อนกับซอสไข่เเดงที่รสเข้มข้นมากๆนั้นค่อนข้างสงสัยในความเข้ากัน เเต่ทางวร้านก็ทำให้ผมคิดผิดซอสไข่เเดงที่ปรุงรสมาเล็กน้อยอย่างล้ำลึกของทางร้านช่วยชูรสหวานของหอยเเละหน่อไม้ฟรั่งได้พอเหมาะพอเจาะ หน่อไม้ฟรั่งเนื้อหวาน หอยไทระเนื้อนุ่มหวานกรอบหอมกลิ่นควันนิดๆ ก่อนปิดท้ายจานอย่างสมบูรณ์เเบบด้วยมะนาวซุดาจิฝานบางล้างปาก อร่อยมากๆเลยครับ
จานนี้ทางร้านเลือกเสริฟ์กับสาเก Hokujushi Junmai ginjo แบบเย็น โดยส่วนตัวอาหารจานนี้ค่อนข้างไม่เข้ากับสาเกไปบ้างเพราะรสของไข่เเดงที่มีในปากกลบความหอมของสาเกลง
จานHachimonoของเราเป็นปลาไหลทะเล ฟองเต้าหู้ผสมผักโยโมงิ(Yomogi)เเล้วนำมาปั้นและถั่วหวานสไลด์ฝอย เสริฟ์มากับซอสอุ่นที่ทำจากดาชิเเละผงรากต้นKudzuที่ผลิตจากเขตโยชิโนะในเมืองนาระ จานนี้ทางร้านทำมาได้ดีมากๆครับตัวซอสในจานนี้มีรสอุมามิเเต่ไม่เข้นข้นจนกลบรสหวานของวัตุดิบในจานนี้ ถั่วหวานในด้านบนช่วยเพิ่มความกรุบกรอบเวลาเคี้ยว ขิงขูดที่ใส่ด้านบนช่วยชูรสหวานเเละเพิ่มความสดชื่นให้กับจานนี้เป็นอย่างดี เป็นจานที่อาจดูเรียบง่ายเเต่มันอร่อยจริงๆครับ
จานนี้เป็นจานที่รสค่อนข้างเข้มข้นทางร้านจึงจับคู่กับสาเกรสเข้มข้นอย่าง Fukuchitose Junmai Daiginjo ซึ่งอาฟเตอร์เทสต์ที่หวานยาวนานของสาเกตัวนี้ถูกชูให้ชัดเจนด้วยขิงขูดที่เผ็ดร้อน น่าทึ่งมากๆที่ขิงขูดนอกจากจะชูรสหวานให้กับอาหารทุกชนิดในจานเเล้วยังช่วยชูรสของเครื่องดื่มได้ด้วย
มาถึงจานข้าวโดยคาชิวายะจะหุงข้าวให้เเขกโดยใช้หม้อหุงข้าวเเบบโบราณ สำหรับจานข้าวของคาชิวายะเป็นข้าวอบ หอยเชลล์กับคาราซูมิ(ไข่ปลาตากเเห้งชนิดหนึ่ง)และผักมิตซูบะ(mitsuba) เป็นจานที่อร่อยมากครับเเละเยอะมากครับ หอยเชลล์รสหวานเข้มข้น ความเค็มเเละความกรุบกรอบอันเป็นเอกลักษณ์ของคาราซูมิ เข้ากับข้าวอบที่ร้อนกรุ่น เพิ่มความสดชื่นด้วยมิตซูบะที่โรยด้านบน ก่อนปิดท้ายด้วยซุปสาหร่ายลื่นคล่องคอ อร่อยจนผมต้องขอเเพคส่วนที่เหลือกลับบ้านด้วยเลยครับ
จานนี้เสริฟ์มาพร้อมกับKirinzan Junmai Ginjoแบบอุ่น ซึ่งมีความดรายสูงเข้ากับข้าวอบ
เยลลี่น้ำผึ้งเป็นขนมหวานจานเเรกของเรา ความประทับใจของผมต่อเยลลี่ของทางร้านคือความหอมน้ำผึ้งรสที่ไม่หวานเกินไปเเละความคล่องคอ โดยความหวานของน้ำผึ้งเข้ากันได้ดีกับผลไม้รสเปรี้ยวที่ใส่มาทั้งกีวี่ ส้ม ราสเบอรรี่ เชอรรี่เเละบูลเบอรี่
ขนมหวานจานสุดท้ายในคำคืนนี้คือ โอโนริ คินตัน (Aonori kinton) ไส้ถั่วเเดงเสริฟ์มาพร้อมกับมัทฉะ โดยจับคู่กับมิรินหรือเหล้าหวานญี่ปุ่นเเบรนด์ Kokonoe โดยส่วนตัวผมว่ากลิ่นเฉพาะตัวของมิรินค่อนข้างเเรงไปนิด
มัทฉะปิดท้ายมื้อครับ
🍾Service : 9.75/10
🍽Food:8.75/10
🤩WOW factor: 8.5/10
💰Value for money:8/10
Total:8.75/10
หากชอบบทความของผมยังไงรบกวนช่วยกดไลค์เพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนด้วยนะครับ
🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/Q7hvQPULDZfNxL7P7
⏰เวลาเปิดปิด: 12.00-13.00,18.00-23.00
💵ค่าเสียหาย: ~50,000 Yen
⌨️เว็บไซต์ร้าน:https://jp-kashiwaya.com/senriyama/top.html
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comentarios