ในวันนี้ผมได้รับเชิญไปReview ร้านอาหารอิตาลีน้องใหม่ ที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 ห่างเพียง 400 เมตรจาก บีทีเอส ทองหล่อ เดินมาราว 10นาทีผมก็ถึง ร้าน L’OLIVA บริเวณหน้าร้านสิ่งที่ต้อนรับเราอยู่คือต้นมะกอกหรือ Olive สองต้นจากAburzzo ที่เชฟ Nicolino หอบหิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลจากบ้านเกิดมาปลูกที่นี้ จนเป็นที่มาของชื่อร้าน L’oliva
สิ่งที่ทำให้ L’OLIVA Italian Ristorante & Wine Bar นั้นเเตกต่างจากร้านอาหารอิตาลี ทั่วไปคือทางร้านจะเสริฟ์เมนูอาหารจากเขต Abruzzo เขตผลิตไวน์ขึ้นชื่อที่อยู่ไม่ห่างนักจากกรุงโรม
ผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารเเห่งนี้อย่างคุณ Nicolino Pauquini ได้เล่าให้เราฟังว่าเขตพื้นที่Abruzzo นั้นมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาส่วนใหญ่เเละติดชายทะเลทำให้เหมาะเเก่การปลูกองุ่นทำไวน์ ปู่ของเขานั้นได้ซื้อไร่ใน Abruzzo เเละตั้งรกราก เริ่มผลิตไวน์เเละน้ำมันมะกอกตั้งเเต่นั้นมา คุณ Nicolino ค้นพบความชอบของตัวเขาเองเเต่ยังเด็กได้ช่วยคุณยาย เเต่ถ้าหากจะให้เขานิยามอาหารจากเขตนี้เเล้ว เขาคิดว่าอาหาร Abruzzo คืออาหารพื้นๆเรียบง่ายเเต่หลากหลายด้วยลักษณะภูมิประเทศที่มีทั้งเขาเเละทะเล ปรุงอย่างใส่ใจจนเปี่ยมไปด้วยรสชาติชวนให้อบอุ่นเเละหัวใจพองโต
เนื่องจากAbruzzo มีสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้และอากาศอันทารุณของAbruzzoนั้น อาหารจากเขตนี้จึงใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งเเละมีกระบวนการถนอมอาหารมากมาย ด้วยความสันโดษจากทิวเขาเขาทำให้ Abruzzo ยังคงมีความบริสุทธิ์ของเทคนิคการทำอาหารสไตล์ดั่งเดิมเเละเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้อาหารของ Abruzzoโด่งดังจนคนขนานนามว่า Piatti Teramani แปลว่าจานจาก Teramo (เมืองหนึ่งใน Abruzzo)
ในวันนี้เราจะรับประทานอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ
จานเเรกที่เราได้ลองกันนั้นคือ Tronchetto Napletano
Troncehettoนั้นเป็นพิซซาสอดไส้ชนิดนึงที่มีน้อยร้านในไทยที่เสริฟ์ โดยTronchetto NapletanoของL’oliva ใส่ไส้ชีส มอสซาเรลล่า เอเมอร์ทอล และ กอนกอนโซล่า ก่อนโรยหน้าด้านบนด้วยปาร์ม่าแฮม
จานนี้แป้งเสริฟ์มาร้อนๆจะออกหนานุ่มกว่าCalzoneที่ผมคุ้นชิน ในส่วนของไส้นั้นเชฟก็กำหนดสัดส่วนชีสชนิดได้ดีมากๆ ไม่เค็มจนเกินไป เเม้จะมีชีสกลิ่นเเรงอย่างกอนกอนโซล่าเเละอีเมอทอลเเต่กลิ่นก็ไม่ฉุนจนคนที่ไม่คุ้นชิน ทนไม่ได้ ตรงนี้ ก่อนจะเพิ่มมิติด้วยพารม่าแฮมสักนิด ตัดเลี่ยนชีสด้วยรสขมของRocket สักหน่อย เป็นจานที่ทำออกมาได้ปราณีตทีเดียวครับ
จานต่อมาเป็นมะเขืออบเเบบลาซานญ่า จานนี้มีรสชาติเข้มข้นมีรสเปรี้ยวหวานจากซอสมะเขือเทศเเฝงด้วยรสเผ็ดนิดๆจากพริกเเห้ง
เเม้ตัวซอสจะมีรสเข้มข้นเเต่ก็ไม่กลบรสหวานของมะเขือม่วง เท็กเจอร์ของชีสข้างบนที่ยืดกรอบหนึบนิดๆตัดกับมะเขือม่วงนุ่มได้อย่างลงตัว จานนี้เชฟใช้อุณหภูมิในการอบดีมากๆเเป้ง เรียงเป็นเป็นเลเยอรสวย ตัวมะเขือม่วงไม่เละ เป็นจานที่ง่ายๆเเต่ชวนให้หัวใจพองโตจริงๆ
จานต่อมาเป็น Pizza Mortadella e pistacchio จานนี้หน้าตาเหมือนจะเป็นพิซซ่าปกติเเต่ไม่ใช่ซะทีเดียว
ตัวเเป้งทำได้ดีมากบางกรอบเเต่ยังมีความนุ่มหนึบ ตัวซอสพิซซ่าที่ทำจากครีมซูกินี่เเละพิททาชิโอ้บดให้รสเค็มๆหอมพิททาชิโอ้ เจือกลิ่นสมุนไพรจางๆ แปลกดี ด้วยความที่ใช้ซอสพิซซ่าจากพิทาชิโอ้เเทนมะเขือเทศทำให้ไม่กลบรสของหน้าพิซซ่าที่เป็นที่เด็ดในจานนี้อย่าง ชีสMascaponeกับแฮมด้านบน รสหวานเย็นของชีสตัดกับรสเค็มอุ่นๆเเฮมด้านบนได้ลงตัว อร่อยเลยครับ
มาถึงจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ครับ กับChitarra Al Ragu สไตล์ Abruzzo
จานนี้รากูจะใช้เนื้อเเกะ วัว หมู ตามเเบบฉบับ Abruzzo ดั่งเดิมที่ชาวไร่จะขูดเนื้อติดกระดูกของสัตว์หลายๆชนิดเพื่อไม่ให้เหลือของ ก่อนจะนำมาใส่กับเเครอท เซเลอรี่เเละอื่นๆ ต้มด้วยไวน์เเดงให้เเห้ง เติมน้ำ เป็นเวลาสามรอบจนได้รสที่เข้มข้น ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของจานนี้อยู่ที่เส้นพาสต้าที่ทำสดเเละตัดด้วยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า Chitarra โดยเชฟจะรีดเเป้งผ่านเครื่องมือพิเศษที่มีลักษณะคล้ายกีตาร์ซึ่งเป็นกรรมวิธีของ Abruzzo จนทำให้เส้นที่ได้มีผิวที่ขรุขระเล็กน้อย ดูดซึมซอสได้ดีกว่า
ผมต้องบอกว่าตัวเส้นสดของ L’Oliva ทำได้เพอร์เฟ็คดุจร้านมิชลินสตาร์ในอิตาลีเลยละครับ ตัวรากูหอมพริกไทย มีรสเข้มข้น มีพาสลีย์หอมจางๆ รสเผ็ดปลายลิ้นเล็กน้อย เข้ากับตัวเส้นพาสต้าที่หนานิดได้อย่างลงตัว จานนี้อาจจะเป็นหนึ่งในพาสต้าที่ดีที่สุดในไทยที่ผมเคยทานเลยครับก็ไม่ผิดครับ
Chitarra ที่ใช้ทำเส้นในวันนี้
จานขนมหวานของเราในวันนี้จานเเรกเป็น Canoli ขนมหวานขึ้นชื่อของอิตาลี โดยสูตรของทางร้านจะเป็นสไตล์ Abuzzo จานนี้ทางร้านL’olivaทำได้เด็ดขาดมากๆ แป้งกรอบหอม ไส้ชีสเย็นหวานมันฟูเบาไม่หนักเลี่ยนจนเกินไป ก่อนตัดเลี่ยนด้วยรสหวานอมเปรี้ยวของMamaladeส้ม เป็นCanoliที่ทำมาได้ดีมากๆ อร่อยมากๆครับ
จานสุดท้ายของเราเป็นเค้ก เเต่มันไม่ใช่เค้กธรรมดามันไม่ใช้เนยเเต่ใช้น้ำมันมะกอกเเทน เค้กตัวนี้แปลกดีครับเนื้อร่วนมากๆแต่มีความมันนิดๆหอมผิวเล่ม่อนจางๆ ตัวที่ผมชอบเเละเห็นว่าเเปลกดีในจานนี้คือเเยมรสสตอเบอรรี่โรมเเมรี่ที่เคียงข้างมา มันทำได้ดีมากๆและมีรสชาติที่น่าสนใจจริงๆ
🗺เเผนที่ : https://maps.app.goo.gl/akksVuwVDt5xoCwB8
⏰เวลาเปิดปิด: 11.00-23.00
💵ค่าเสียหาย: Complimentary
⌨️เว็บไซต์ร้าน:
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comments