top of page

Le Normandie Classic never die

Updated: Oct 8, 2019

Le Normandie คลาสสิกเนเวอร์ดาย (Bangkok, Thailand🇹🇭)🍽,⭐️⭐️



ความเรียบง่ายนั้นบางครั้ง ทำให้ยากที่จะอธิบายถึงความยอดเยี่ยมของอะไรสิ่งหนึ่ง และสำหรับร้าน Le normandie ก็เป็นหนึ่งในนั้น


ร้านสุดท้ายที่ผมอยากจะเขียนรีวิวถึงในบรรดาร้านมิชลินสตาร์ประจำการจัดอันดับปี2019 ร้านที่ต้องยกที่พิเศษในใจนี้ให้นี้คือ Le Normandie


Le Normandie เป็นร้านอาหารที่อยู่คู่ฟ้าเมืองไทยมากว่าห้าสิบปี ผ่านเเดดฝนลมหนาวมานักต่อนัก เคยปั้นเชฟมิชลินมาก็มากหลายคนตั้งเเต่ประเทศไทยยังไม่มีการจัดอันดับมิชลินไกด์เสียด้วยซ้ำ จนร้านมาได้มิชลินสตาร์สองดวง เเต่สิ่งที่ไม่มีเปลี่ยนคืออาหารฟรั่งเศสสไตล์คลาสสิกของร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งเเห่งเเรกในประเทศไทยเเห่งนี้


ส่วนตัวผมเคยมา Le normandieมาก็หลายครั้ง เเต่ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนReview ถึงร้านอาหารต่างๆ ในตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าอาหารของ Le normandie นั้นก็ดีนะ เเต่ทำไมเสริฟ์เเต่เมนูที่ดูน่าเบื่อเมนูคลาสสิกการจับคู่ไม่เห็นมีอะไรเเปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจ


มื้อในวันนี้เกิดขึ้นเพราะผมนัดเพื่อนสายฟู้ดดี้ท่านหนึ่งรับประทานอาหารกัน จากประโยคง่ายๆชวนกันเล่นๆที่อยากได้ #มื้อกลางวันง่ายๆเหมาะเเก่ชาวเรา ซึ่งร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งนั้นอย่างที่ทุกคนทราบบริการมื้อกลางวันนั้นในไทยมีเพียงหยิบมือ เเละด้วยราคามื้อกลางวันที่มีความคุ้มค่า จึงทำให้ Le Normandie เป็นตัวเลือกในวันนี้


มื้อกลางวันของ Le normandie นั้นมีสองเเบบคือA la carte เเละSet menu โดย Set menu นั้นดูจะมีสามคอร์ส และสี่คอร์ส ในราคา 1800 เเละ 2250 ตามลำดับ โดยสามจานนั้นเราจะเลือกappetizerr main dessert อย่างละจาน ส่วนสี่จานนั้นเราจะสามารถเพิ่ม apptizer ได้อีกจานนึงครับ


อาหารของ Le normandie ค่อนข้างเรียบง่ายเเต่ว่าบาลานซ์รสเเละคุมโทนในทุกๆจานได้อย่างยอดเยี่ยม วัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ล้วนเลือกเเต่ของชั้นยอด เมนูของทางร้านอาจจะดูเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าตื่นเต้นอะไรเเต่ว่ารสชาตินั้นยอดเยี่ยม หรือ อาหารของร้านดูที่จะไม่ยอมออกจากcomfort zone ของลูกค้ามากนัก หากเพิ่มลูกบ้า ใส่ความกล้า เพิ่มทวิสต์ลงในจานอาหาร ผมว่า Le Normandieมีลุ้น Michelin star สามดาวได้อย่างไม่ยาก


การบริการของร้าน Le normandie โดยส่วนตัวผมว่ามีมาตราฐานที่สูงสุดในประเทศไทยร้านหนึ่งเลยครับใกล้เคียงกับร้านอาหารอีกสองร้านที่ โรงเเรม เลอบัว เเต่สไตล์การบริการของเลอบัวจะทำให้เรารู้สึกเป็นคนพิเศษ มีความหรูหรา เเต่ในส่วนของ Le normandie เเม้จะดูหรูหราเเต่บริกรจะมาในบรรยากาศอารมณ์สบายๆกว่า มีการคุยเล่นหยอกล้อ อาจจะไม่สื่อสารกับเรามากนักเหมือนดูไม่ใส่ใจ เเต่ทว่าสังเกตความต้องการของเราอย่างละเอียด


โดยในวันนี้ผมได้สั่งคอร์สสี่จาน โดยเพิ่ม คาเวียร์ (+1000บาท) จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปเลยครับ



Amuse bouche คำเเรกเป็นเเครกเกอร์ชีส คำนี้รสเค็มนิดๆอมหวานเนื้อร่วนคล้ายช็อตเบรด มีกลิ่นยี่หร่าจางๆ ดีเลยทีเดียวครับ



Amuse bouche ด้านขวาของเราเป็น Tartlet หรือทาร์ตชิ้นเล็กใส่เบค่อนเเละลีค คำนี้เสริฟ์มาในอุณหภูมิอุ่นๆ รสนุ่มแป้งร่วนเนื้อเบาบาง ไส้ละมุนอุ่นเหมือนนม เเทรกด้วยรสเค็มของเบค่อนเเละกลิ่นลีคที่ขึ้นมาเป็นพักๆ อร่อยมากครับ


Amuse Bouche อีกคำด้านซ้ายเป็น เเซลม่อนหมักกับราดิชฝานเเละซาวด์ครีม คำนนี้เมื่อเข้าปากเราจะได้รับรู้ความมันของปลาเเซลม่อนที่ปรุงรสอย่างอ่อนๆที่เเสนอร่อย ตามด้วยความฉุนนิดๆจากราดิช ก่อนจะมาตัดด้วยรสเปรี้ยวมันของครีมที่เเฝงไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆของเลม่อน คำนี้รสกลมกล่อมอ่อนโยน บาลานซ์รสชาติของวัตถุดิบได้อย่างสุดยอด อาหารที่ดูเรียบง่ายเเต่เเสดงถึงเทคนิคการปรุงอาหารขั้นสูงสุด อร่อยมากครับ



คำต่อมาเชฟเสริฟ์เป็น สารพัดฟักทอง ที่มาในรูปเเบบต่างๆทั้งทอด พิวเร่ ดอง เอาไปทำคาเวียร์ คำนี้มีรสหวานๆเปรี้ยวๆหอมกลิ่นดอกไม้ที่ปลายจมูก ดีทีเดียวครับ



จานสุดท้ายของ Amuse bouche คือ ผักร็อคเกตเชอเบทเเละซุปคอนซอมเม่มันฟรั่งเย็น ใส่เเตงโมเเละมะเขือ จานนี้ผมชอบชอบมากที่สุดในบรรดา amuse bouche ตัวซุปนั้นมีรสเค็มอ่อนๆ ตัดกับรสหวานหวานจากเเตงโม เเละรสเปรี้ยวของมะเขือเทศ เเต่ที่เด็ดนั้นคือตรงที่มะเขือเทศที่ใส่นั้นเนื้อไม่เละเเละหอมมาก ตัวผักร็อคเกตเชอเบทก็ยอดมากหอมเขียวไม่หวานเเต่ก็ไม่ขมอี๊ เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายจริงๆครับ


ขนมปังดูเบสิคมากๆไม่มีสตอรรี่อะไร เเต่ก็เยี่ยมทุกอัน



เนยที่นี้ใช้เนยนำเข้าจากฟรั่งเศส โดยมีสองชนิดคือ เนยผสมบัควีทเเละเนยผสมสาหร่าย ตัวเนยคุณภาพดีเลยครับเเต่รสเนยค่อนข้างเค็มไปสำหรับผม



จานเเรกของผมเป็นโฟรกรา ซึ่งเสริฟ์มาพร้อมกับ iceplant พิวเร่งาขาว เเละบูลเบอรรี่ซอส สำหรับโฟรกราของ Le normandie ส่วนตัวผมว่าดีสุดในไทย ตัวโฟรกราย่างมาสุกกำลังดีไม่เละมันเยิ้มชิ้นใหญ่หนาเต็มปากเต็มคำมีความครันชชี่บางๆนิดที่ผิว ตัดกับบูลเบอรรี่ซอสรสหวานได้อย่างลงตัว พิวเร่งานั้นช่วยเพิ่มรสเค็มนิดๆให้กับจานนี้เเละทำให้จานนี้ลงตัวเข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยม เเต่องค์ประกอบที่ผมชอบมากที่สุดในจานนี้คือ Iceplant ที่มีความกรอบกรุบๆเเละมีรสเปรี้ยวจางๆ ที่ลดความเลี่ยนของตัวโฟรกราได้อย่างอ่อนละมุน



ส่วนapptizerอีกจานคือซิสเนเจอร์ของเชฟที่ไม่เคยถูกเปลี่ยนสูตรเลยตั้งเเต่เชฟเข้ามาทำงานมันก็คือ โฟมมันฟรั่งกับคาเวียร์เเละอูนิ รับประทานกับซอสเเชมเปญ จานนี้รสมาดูเรียบๆเเต่กลมกล่อมครับ โฟมเนื้ออกเเน่นนิดๆหอมกลิ่นทะเลรสเค็มนำเข้ากับคาเวียรได้อย่างกลมกลืน เพิ่มมิตินิดนึงด้วย ความหอมหอมผิวเลม่อนขูดนิดๆ เเละซอสรสเปรี้ยวหน่อยๆ ละมุนมากๆครับจานนี้



มาถึงจานหลักกันบ้างครับ ผมเลือกเป็ด โดยที่ร้านจะเลือกใช้เป็ด Challan duck ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็ดที่ดีที่สุดในโลก โดยเจ้าเป็ดชาลองนี้จะเสริฟ์มากับบีทรูท,เเบล็คโอลีฟ,ซอสน้ำเป็ดและพิวเร่สองเเบบจากส้มเเมนดารินและบีทรูท จานนี้ตัวเป็ดย่างมาได้ดีครับเนื้อยังมีความชุ่มช่ำเเต่ส่วนตัวผมชอบเป็ดที่หนังมาเเบบบางเฉียบกรอบกรุบเลยมากกว่าที่ยังเหนียวนิดๆรัสติกๆ ตัวเนื้อเป็ดเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับตัวซอสเป็ดที่ผมว่าจืดไปนิดเเต่ก็ไม่เเปลกใจเพราะเชฟมีใส่มะกอกดำที่เพิ่มรสเค็มเเละเข้ากับเป็ดจานนี้ได้อย่างน่าสนใจเอาเสียมากๆจนผมลืมซอสไปเลย เเต่ส่วนที่ผมชอบที่สุดในจานนี้ยังไม่ใช่มะกอกครับกลับเป็นตัวบีทรูทที่อร่อยมากๆๆๆๆๆ มันมีความกรุบๆหอมกลิ่นสมุนไพรที่แฝงอยู่ให้รสหวานอมเปรี้ยวเเละกลิ่นเอริธิ์ตี้นิดๆช่วยตัดเลี่ยนได้ชะงักมากๆ อร่อยเลยทีเดียวครับ



บริกรจะมาทำเครปให้เราถึงโต๊ะเลยครับ



มาถึงขนมหวานผมเลือกเครปซูเซต ขนมหวานจานนี้นั้นบริกรจะมาทำให้เราที่โต๊ะจึงทำให้มีกลิ่นทรมานใจจากโต๊ะข้างๆลอยข้ามมาตลอด จนผมตั้งตารอตลอดมื้ออาหารเลยครับ ตัวเครปที่นี้เเป้งจะค่อนข้างหนาเพื่อไม่ให้เละเวลาโดนซอส ตัวเเป้งมีความหอมกลิ่นไข่ เข้ากันได้ดีกับซอสรสหวานเเละส้มที่เปรี้ยวนิดๆ หลายคนอาจจะว่าหวานไปนิดหรือกลิ่นส้มจางไป เเต่ผมว่าส่วนตัวหวานกำลังดี เเละความร้อนของเครปนั้นตัดกับไอซ์ครีมวนิลารสหวานเย็นที่เเสนขึ้นชื่อของโอเร็นเต็ลได้อย่างลงตัว



Peitie four ที่นี้เลือกเสิรฟ์ของหวานคลาสิกสุด


อย่างgateau d savoie รสเลม่อน กับเเยมบูลเบอรรี่ เค้กตัวนี้ผมยังไม่เคยกินที่ไหนอร่อยกว่าที่นี้ ตัวเค้กเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความเเน่นเเละความโปร่ง เพิ่มลูกเล่นอีกนิดกับกลิ่นหอมเลม่อนที่โชยมาจางๆ เป็นเค้กที่ดูเรียบง่ายโบราณเเต่อร่อยมากๆครับ


อีกจานก็ยังเป็นจานคลาสิก อย่าง ครีมคาราเมล ที่ก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว



ปิดท้ายด้วยช็อคโกเเลต ส่วนตัวที่ลองในวันนี้ผมไม่ชอบดาร์คช็อคโกเเลตที่สุดครับทั้งๆที่ปกติจะชอบมากสุด ฮ่า ผมกลับชอบอันที่ใส่คอนยัคเเละตัวที่มีซินนาม่อนมากกว่า กลมกล่อม มีความฉุนนิดๆเเต่ไม่โดดออกมา ไม่นมมากไป ไม่ขมมากไป ลงตัวกำลังดี



🍾Service : 9.5/10

🍽Food: 9.5/10

🤩WOW factor: 8/10

💰Value for money: 8.25/10


Total :8.75/10



🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/3wA5AdgQUNKuJTxU9

⏰เวลาเปิดปิด: 12.00-14.00 19.00-22.30

💵ค่าเสียหาย: ~4500Baht ต่อคน

⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.mandarinoriental.com

Comments


Commenting has been turned off.
bottom of page