Moliere ร้านอาหารมิชลินสามดาวที่ถูกที่สุดในโลก
ลงเครื่องมาก็กินข้าวเป็นคำกล่าวที่อาจจะไม่ผิดนักสำหรับตารางวันนี้ กว่าที่ผมจะเก็บกระเป๋าทำการเช็คอินเข้าที่พักเสร็จก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงเเล้ว เนื่องจากต้องการรีบทำเวลาเพราะมีนัดกับเพื่อนไปกินเนื้อย่างที่คะเเนนTabelog สูงสุดในHokkaidoกันในช่วงดึกของคืนนี้ทำให้ผมต้องรีบเปลี่ยนชุดเเต่งตัวเพื่อรีบออกไปยังจุดหมายในวันนี้อย่าง Moliere
ร้าน Moliereตั้งอยู่ติดกับสวน Maruyama koen ผมลงรถไฟใต้ดินไปยังสถานีมารุยาม่า โคเอน ก่อนเดินเท้าผ่านสถานกงศุลสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาเดินราวสิบห้านาทีผมก็มาถึงร้านอาหารร้านเเรกในทริปนี้
สำหรับ Moliere นั้นเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสเก่าเเก่ชื่อดังในซัปโปโร่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเเละถือเป็นร้านอาหารตะวันตกไฟน์ไดน์นิ่งร้านเเรกในเกาะฮอกไกโด โดยทางร้านได้รับการยอมรับในระดับสากลด้วยรางวัลมิชลินสตาร์สามดาวเกียรติยศอันสูงส่งตามการจัดอันดับของมิชลินไกด์ ไม่เพียงเเต่ชาวต่างชาติเท่านั้นMoliereยังได้คะเเนนในTabelogสูงติดอันดับท็อปเทนในเกาะฮอกไกโดด้วยคะเเนนสูงถึง4.28
การบริการนั้นทีมบริการของ Moliere ทำได้สมมาตราฐานร้านอาหารมิชลินสตาร์สามดาวทุกประการความใส่ใจในรายละเอียด ช่างสังเกต ความเป็นมิตรชวนอบอุ่น โดยเฉพาะการสื่อสารที่ถือว่าดีเกินมาตราฐานร้านอาหารในญี่ปุ่น สะดวกสบายสำหรับชาวต่างชาติมากๆครับ ตัวบริกรมีความใส่ใจและดูเเลได้อย่างยอดเยี่ยม เเค่จานหล่นในครัวจนมีเสียงดังยังผลัดกันมาขอโทษสามสี่รอบ บริกรพยายามชวนผมคุยเล่นจากเเบล็คกรานด์ในประวัติการจองของผม ซึ่งหมายความว่าบริกรที่นี้ทำงานอย่างหนักเเพื่อให้บริการที่เหมาะสมกับลูกค้าทุกท่าน เป็นการบริการที่สมมาตราฐานร้านอาหารชั้นนำของโลกนั้น
ในวันนี้เนื่องจากผมมีนัดทานร้านอาหารเเห่งที่สอง ทำให้ผมสอบถามถึงเวลาขอมื้ออาหารกับทางMaitre’dของร้าน ชายผู้ซึ่งช่วยคำนวนเวลา เร่งมื้ออาหาร บวกการเดินทางให้เสร็จสรรพเพื่อที่ผมจะเดินทางไปทันนัดถัดไป เรียกว่าผมเข้าร้านมาหลังโต๊ะข้างหลังสามจานเเต่กลับเเซงหน้ากินจบหมดก่อนได้ ฮ่า
บริกรหมั่นมาสอบถามถึงปริมาณอาหารว่าพอไหมอิ่มไหม ลดไซส์จานต่อไปไหมเพราะผมมีทานมื้อที่สองต่อ หรือจานไหนที่ผมเเสดงท่าทีว่าชอบเป็นพิเศษทางบริกรก็จะนำเพิ่มมาพิเศษให้ทันที จานไหนที่ผมกินไม่หมดก็จะสอบถามว่ามีอะไรผิดปกติไหม ตรงนี้เป็นอีกอย่างที่เเสดงถึงความเป็นมืออาชีพขั้นสูงสุด และความเก๋าของทีมบริการส่วนหน้าของร้าน Moliereครับ
สำหรับอาหารของMoliere นั้นเป็นอาหารฟรั่งเศสคลาสิกผสมผสานกับเมนูร่วมสมัยที่มีจุดเด่นในเรื่องการใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากฮอกไกโด อาหารที่ปรุงสดใหม่ คุณภาพที่สุดยอดของวัตถุดิบพื้นถิ่น โดยเมนูของ Moliereนั้นจะมีเเต่ set courseเท่านั้นซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 4600เยนในมื้อกลางวัน ทำให้Moliereเป็นร้านอาหารมิชลินสตาร์สามดาวที่ถูกที่สุดในโลก
ราคาที่จับต้องได้เเละจองโตีะได้ง่าย หากผมมีโอกาสกลับมายังSapporo ร้านนี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งตัวเลือกในใจของผมเเน่นอน ความจริงในตอนเเรกผมให้ความคุ้มค่าร้านนี้ถึง9.75 เเต่ด้วยราคาเครื่องดื่มที่เรียกว่าถ้าสั่งเเพรริ่งนี่เผลอๆราคาจะเกือบเท่าอาหารทำให้ผมลดคะเเนนลงครับ
ในวันนี้ผมได้เลือก Saison มันจะมีอะไรบ้างไปชมได้เลยครับ
คำเเรกเป็นคานาเป้อย่างทาร์ตหัวหอม
โดยบริกรเเนะนำให้เราใช้มือทานเเต่ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เเละไส้ที่เหลว ทำให้ผมมีความลำบากพอสมควรครับ
จานนี้ยกมาเสริฟ์อุ่นๆหอมกลิ่นเนยเเละหัวหอมชวนหิว มันอาจจะเป็นคำเริ่มต้นที่อาจจะดูหนักไปนิด เเต่เมื่อคำนึงถึงอากาศที่เเสนหนาว คำนี้เป็นคำเริ่มต้นที่ดีไม่หยอกครับ เเป้งบางตัวไส้ครีมนุ่มๆอุ่นๆครีมมี่ หอมกลิ่นหอมใหญ่ชวยน้ำลายสอ อุณหภูมิที่อุ่นนิดๆ ชวนให้หัวใจพองโต
จานต่อมาเป็นจานที่เข้ากับหิมะที่ร่วงโรยลงมาในคืนนี้ได้อย่างดี มันเป็นจานที่ดูเรียบง่ายมากๆ เเต่ว่ามันน่าจะเป็นซุปเห็ดที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผม
ซุปคอนซอมเม่เห็ดชิทาเกะหรือเห็ดหอมออนท็อปด้วยโฟมรสหอมหัวใหญ่ มันอาจจะดูเรียบง่ายเเต่กลับอร่อยมากๆ
เสริฟ์มาในอุณหภูมิที่ร้อนไม่อุ่นเเต่ไม่ลวกปาก มีกลิ่นหอมเเบบตะวันตกจากน้ำสต๊อกและหอมใหญ่เเต่แฝงกลิ่นอายตะวันออกจากเห็ดหอม ตัวเห็ดชิทาเกะเเห้งที่โรยด้านบนมีความกรุบๆนอกจากช่วยเพิ่มเท็กเจอร์เเล้วยังเพิ่มรสอุมามิให้กับซุปที่มีรสเค็มกำลังดีและละมุนหวาน
ส่วนโฟมออเนี่ยนนี้นอกจากช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเเล้วยังช่วยเพิ่มมิติของเท็กเจอร์ให้จานซุปไม่น่าเบื่อไปนักน่าสนใจยิ่งขึ้น สุดยอดมากครับ
จานต่อมาเป็นอีกหนึ่งในจานที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้อย่างเทมปุระหอยเชลล์กับโอบะ
ตอนเเรกผมค่อนข้างงงที่เชฟเสริฟ์เทมปุระเเต่เมื่อกัดเเล้วผมก็เข้าใจถึงความสุดยอดของมันเลยละครับ คำนี้อาจจะดูเค็มไปนิดในตอนเเรก เเต่พอกัดถึงเนื้อหอยตรงกลางเท่านั้นละ ความเค็มจิ๊ดที่ดูมากไปในตอนนั้นกลับช่วยชูรสหวานที่พรั่งพรูออกมาของตัวหอยที่เเสนJuicyชุ่มฉ่ำได้อย่างอัศจรรย์ โอบะที่ห่อมากรอบกรุบเข้ากับเนื้อหอยเด้งสดสุกกำลังดีได้อย่างลงตัว
จานนี้สุดยอดมากๆสามารถเสริฟ์ในร้านเทมปุระระดับมิชลินสตาร์ได้อย่างไม่อายเลยครับ
จานต่อไปเชฟเสริฟ์สลัดผัก25เป็นจานต่อมา มีส่วนผสมของผักนานาชนิด ซอสงา พลัม บีทรูท ผักขม เลม่อน
บริกรเเนะนำว่าคลุดทั้งหมกให้เข้ากันเเล้วรับประทาน จานนี้ทุกอย่างทำได้ตามตำรา ผักสดใหม่ถูกทำให้สุกด้วยกรรมวิธีที่หลากหลาย เเต่ผมว่ามันยังธรรมดาเเละขาดมิติในรสชาติไปมาก ตัวซอสครีมงาให้รสที่หนักไปมันครีมมี่จนกลบของผักหมด ยิ่งถ้าเทียบกับChikyuของร้าน Hajime ยิ่งเเสดงถึงความต่างได้เด่นชัด
หอยนางรมทอดกับซอสมาโยทำเอง,ซอสทาร์ทาร์และไข่เเดงดิก่อนโรยหน้าด้วยผงกะหรี่
เราต้องคลุกให้เข้ากันก่อนรับประทาน มันเป็นหนึ่งในจานหอยนางรมจานนึงที่ดีที่สุดที่ผมเคยทานครับ ตัวหอยที่แป้งบางเฉียบกรอบนอกด้านในฉุ่มฉ่ำเเสนหวานเข้ากับกลิ่นหอมของเเกงกะหรี่ได้อย่างลงตัว รสเปรี้ยวมันของทาร์ๆซอสเเละมายองเนสที่คลุกเคล้ามานั้นชูรสหวานของหอมของหอยชั้นเลิศได้ดี เป็นจานง่ายๆที่สมดุลเเต่ลงตัว
จานต่อไปคือปลา Tile fishฮอกไกโด ที่เสริฟ์มากับกับซอสเนยเเละเลม่อน ตัวปลาถูกยกมาในจานร้อนครับ กลิ่นหอมจากเนยคุณภาพเยี่ยมคละคลุ้งกระตุ้นความสงสัยโชยกลิ่นหอมออกมาตั้งเเต่อยู่ในครัว จานนี้ทำได้ตามตำราครับ เนื้อปลาเด้งมีความฉุ่มฉ่ำไม่สุกไป ตัวที่เด็ดคือกรุตองที่มีรสเปรี้ยวจากเลม่อนตัดกับรสมันเลี่ยนของเนยได้อย่างชะงัก เป็นอีกจานที่ปรุงมาได้ดีเเต่ส่วนตัวว่ามันไปนิด
เราล้างปากกันด้วย ชาเลม่อนซอเบทกับบรันดี้จากเเพร์ รสของจานนี้ยากจะอธิบายครับรสมันเเปลกดี
ความเปรี้ยวนิดๆความฝาดหน่อยๆของชา รสร้อนเเรงที่หอมหวานของบรันดี้เเพร์ องค์ประกอบทั้งหมดเข้ากันได้อย่างน่าฉงนใจ ผมชอบนะครับเเต่คนที่ไม่ชอบรสฝาดของชาอาจจะไม่ชอบ
เเก้มวัวฮอกไกโดตุ๋นในซอสไวน์เเดงก่อนรับประทานกับมัสตาร์ดเเละHorseradish
ลำพังเเก้มวัวตุ๋นไวน์ถือว่าทำได้สมมาตราฐานร้านอาหารระดับนี้นุ่มหอมไวน์เเดงมีรสมันวัวนิดๆ เเต่ทีเด็ดที่ทำให้จานนี้เเตกต่างคือฮอสเรดิชจากฮอกไกโดที่ฝานมาริ้วๆด้านบนที่ให้กลิ่นฉุนหวานเพิ่มมิติให้กับเเก้มวัวตุ๋นได้อย่างวิเศษเเละเเตกต่างออกไป
กราเเตงมันที่รับประทานคู่กันก็ดีนะครับเเต่ไม่มีอะไรว้าว
ฮอกไกโดบูลชีสเสริฟ์มาอุ่นๆบนขนมปังไรน์เเละวอลนัท จานนี้ผมขอบริกรว่าให้เสริฟ์มาครึ่งจานปกติ
แม้จะเรียกว่าบูลชีสเเต่ชีสคำนี้ถือว่ามีกลิ่นไม่เเรงมากนักคนที่ไม่ชอบบูลชีสสามารถรับประทานได้ มันมีกลิ่นเอริธตี้เป็นเอกลักษณ์ที่ผมไม่ค่อยชอบนัก แม้ปกติผมจะสามารถทานบูลชีสได้อย่างเอร็ดอร่อย เเต่ก็นับว่าเป็นการลองชิมที่สนุกสนานดีครับ
มาถึงขนมหวานกันบางจานเเรกเป็นเชอเขทส้มเเมนดาริน จานนี้หอมเขียวส้ม ไม่หวานมาก แม้จะดูธรรมดาเเต่กลิ่นเขียวส้มเเละรสหวานนิดๆนั้นอร่อยเลยละ
มองบลังเกาลัด จานนี้ไม่หวานมากมีเมอเเรงเเละครีมสดตรงกลางตัดกับความหอมของเกาลัด ทำได้ดีทีเดียวครับเเต่ผมเคยกินมองบลังที่อร่อยกว่านี้หลายที่
Peitit four ของเรา เป็นขนมอบสไตลฟรั่งเศสรสเหมือนโดนัท อันนี้ทำมาได้ดี เจลบี่เลม่อนเปรี้ยวจิ๊ด และสตอเบอรรี่สด โดยรวมออกจะธรรมดาไปบ้าง เเต่ขนมอบมาได้ดีทีเดียวติดนิดนึงที่ชิ้นใหญ่ไปมากสำหรับผม
🍾Service : 9/10
🍽Food: 8.5/10
🤩WOW factor: 7.5/10
💰Value for money: 9.25/10
Total: 8.75/10
🗺เเผนที่ :https://goo.gl/maps/PPcF23xSv1q6kGK1A
⏰เวลาเปิดปิด: 11:30AM–2PM , 5:30–8PM
💵ค่าเสียหาย: ~16000 Yen (Some Liquors and water )
⌨️เว็บไซต์ร้าน:https://sapporo-moliere.com/
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comments