top of page

Mountain & Sea House เหลาอาหารไต้หวันโบราณ

บอสพาชิม in Taiwan EP.4 :Mountain & Sea House เหลาอาหารไต้หวันโบราณ

 (Taipei,Taiwan) 





ร้านสุดท้ายในseries ไต้หวันของผมนั้นเป็นร้านอาหารMichelin Star 1 ดาวพ่วงด้วยGreen star อย่างเมาเท่นแอนด์ซีเฮ้าส์ ร้านนี้นั้นเป็นร้านที่มีราคาย่อมเยาว์รวมทั้งการจองที่ไม่ได้ยากเย็น ความรู้สึกที่ไม่ได้หรูหราจนอึดอัดซึ่งเป็นข้อดีที่ผมอยากแนะนำในร้านนี้ครับ 


ร้านนี้เลือกเสิร์ฟเมนูอาหารไต้หวันจากวิวัฒนาการประวัติศาสตร์และรากเหง้าวัฒนธรรมของเกาะไต้หวัน ซึ่งเชฟยังภูมิใจกับรากเหง้าและวัฒนธรรมการกินอันมีสีสันของเกาะแห่งนี้จึงอยากนำเสนอเมนูเหลานั้น ที่ถูกวิวัฒนาการให้เข้ากับยุคสมัยด้วยเทคนิคการทำอาหารตะวันตก


ร้านนี้ถือเป็นร้านแรกในเกาะไต้หวันที่ได้รับดาวสีเขียวจากไกด์สีแดง เนื่องจากร้านจึงให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นอย่างมาก โดยเลือกใช้วัตถุดิบทั้งหมดจากไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็น หมูป่าสีดำพื้นเมือง ไก่เลี้ยงบนภูเขาแบบฟาร์มเปิด ซีฟู้ดชั้นเยี่ยมที่จับได้บริเวณเกาะไต้หวัน รวมทั้งเชฟยังหมักดองผักต่างๆและซีอิ๊วด้วยตัวเองอีก นอกจากนี้ผงชูรสที่คิดว่าจำเป็นสำหรับอาหารจีนซึ่งจริงๆก็ใช่นั่นแหละเชฟยังเลือกทำด้วยตัวเองเป็นpasteที่ทำจากไก่หอย และกุ้งแทนครับ 


ประวัติของTaiwan Cuisine นั้นเริ่มต้นในยุค 1930 ช่วงอาณานิคม โดยก่อนหน้านั้นชาวไต้หวันกินอาหารง่ายๆ แต่พอเริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาร้านอาหารดีๆที่เลิศหรูเริ่มเปิดขึ้น ในบริเวณ Dadaocheng ไม่ว่าจะเป็น  Kamg San Lau, Peng Lai Ge, Chunfeng Deyi Lou, และ Donghuifang นี่เป็นจุดเริ่มต้นของอาหารไต้หวันในหน้ากระดาษรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นั้นมาจากการรับเอาอิทธิพลของอาหารจีนอย่างอาหารจากเขต Minnan, Guangdong, รวมทั้งอาหารจากญี่ปุ่น และด้วยภัยสงครามต่างๆ ทำให้สูตรอาหารในยุคนั้นต่างสูญหาย ซึ่งร้านแห่งนี้ตั้งใจจะนำกลับมาอีกครั้งโดยปรากฏออกมาเป็นเมนูโบราณอย่าง Taipingting Rose Prawns หรือ Penglai Pavilion Pork Rib


ร้านนี้มีทั้งอาหารเซตเมนูและราคาซึ่ง Set menu นั้นไม่จำกัดคนกินขั้นต่ำตรงนี้ผมชื่นชอบมาก นอกจากนี้ในส่วนของเครื่องดื่มล้วนแต่เป็นของที่ทำในไต้หวันมีทั้งชาที่ดีไวน์ที่ดีสาเกและเหล้าต่างๆซึ่งเราส่วนใหญ่อาจจะคุ้นชินไต้หวันจากชื่อของkavalan และomarแต่เชื่อเถอะเกาะแห่งนี้มีดีกว่านั้น อย่างในวันนี้ผมได้ลองแพร์ริ่งผมได้ลองทั้งสาเกที่ทำในไต้หวันหรือ ไวน์น้ำผึ้งซึ่งล้วนแต่น่าสนใจยิ่ง 


ร้านแห่งนี้การตกแต่งนั้นถือว่าสวยงามเรียบง่ายชวนให้นึกถึงยุคโคโรเนียลอาจจะไม่ได้หรูหราแต่ก็รู้สึกสบายไม่ได้อึดอัด การบริการอาจจะไม่ได้เนี๊ยบขนาดนั้น หรือมีพิธีรีตองมากมายแต่ทีมบริกรทุกท่านตั้งใจบริการดีมาก


หากใครอยากเปิดโลกของอาหารไต้หวันที่มีราคาไม่สูงมากนะร้านนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียวผมแนะนำให้มาลองครับสำหรับในมื้อนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปครับ 


จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ





White Asparagus Salad


จานแรกเป็นหน่อไม้ฝรั่งขาวปลูกในไต้หวัน ราชินีแห่งพระอาจารย์ถูกปรุงด้วยเกลือและพริกไทยบางๆก่อนแต่งรสด้วยซอสทาร์ทาร์ที่ทำจากไข่และปลาหมึก 


หน่อไม้ฝรั่งขาวคุณภาพยอดเยี่ยมเลยครับ  ยิ่งการปรุงรสที่น้อยนะดูความกรอบและหวานของผักได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวซอสนั้นไข่ไก่ ไข่ปูรวมถึงปลาหมึก และยังมีใส่เครื่องปรุงรสแบบจีนทำให้ไม่รู้สึกตะวันตกจนเกินไป ผสมผสานออกมาเป็นจานอาหารที่มีรสเฉพาะตัวแสนพิเศษ เป็นจานเริ่มต้นที่ดีครับ





ออเดริฟ์จีน


ออเดิร์ฟรวมในวันนี้ประกอบด้วยไก่รมควันอ้อย เป๋าฮื้อตุ๋น ไข่ปลากระบอกตากแห้งอบไก่แช่เหล้า หมูตุ๋นและพัฟกุ้งยี่หลาน


ออเดิร์ฟชิ้นที่ผมชอบที่สุดคือเป๋าฮื้อ ตุ๋นมาได้นุ่มมีรสแบบจีนเผ็ดนิดๆมีกลิ่นควันหวานๆคล้ายหมูเเผ่นแปลกดีครับ รวมทั้งการใช้ Tanaหรือตะไคร้ไต้หวันที่กลิ่นหอมนั้นสร้างมิติอย่างได้อย่างเหนือชั้น


อันต่อมาคือไก่รมควันอ้อยที่กินกับซีอิ๊วมีกลิ่นหวานๆจากควันอ้อยครับ


กุ้งแช่เหล้า โดยทางร้านใช้เซาชิงที่ทำในไต้หวัน ตัวซอสรสหวานนำหอมกลิ่นขึ้นฉ่ายและเหล้าเข้าชิงเนื้อกุ้งยังไม่ค่อยกรอบเด้งมากนัก


ไข่ปลาจากตอนใต้ไต้หวัน กินกับหอมและหัวไชเท้าฝาน ผมว่าไข่ปลาหนึบๆเท็กเจอรดี กลิ่นทะเลชัดรสเค็มไม่มากติดเผ็ดนิดๆ เข้ากับต้นหอมได้ดี อร่อยครับ


พัฟกุ้งYilan อาหารจานคลาสสิค โดยเชฟนำไข่ กุ้งสับ น้ำสต๊อกไก่ และแป้งข้าวโพดมาผสมรวมกันและทำเป็นแป้งคล้ายโมจิก่อนนำไปทอด เท็กเจอร์ของมันนั้นมีความคล้ายเต้าหู้ทอดสำหรับผม หอมกลิ่นหอมกลิ่นไข่เหมือนเต้าหู้ไข่ใส่กุ้ง รสหวานนำ ผมว่าแป้งและความกรอบที่ผิวนั้นน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกสักนิดจะเป็นจานที่ดีเลยครับ


Hongqu braised porkนั้นมีความเหมือนหมูหมักมิโซะนำไปตุ๋นและทอดผมรู้สึกว่าจานนี้เนื้อแห้งมีรสที่อ่อนเหมือนเขาจะไม่ค่อยเก่งของทอดสักเท่าไหร่ครับร้านนี้





Taipingting Rose Prawns


อาหารไต้หวันโบราณที่มีต้นกำเนิดจากถนนTaipingting อย่างกุ้งกุหลาบ Taipingting โดยมันทำจากฟองเต้าหู้ ห่อกุ้ง ไข่ปลากระบอกตากแห้ง ไข่เป็ดเค็ม สาหร่าย ต้นกระเทียม ใบผักชี แยมจากกุ้ง โดยเรียงเป็นชั้นๆให้คล้ายกับดอกกุหลาบกำลังบาน 


จานนี้เเอบเสียดายเหมือนกัน ทอดทิ้งไว้ แต่ถ้าเสริฟ์มาร้อนๆนี้น่าจะอร่อยมากครับ เป็นจานที่ซับซ้อนและทำออกมาได้ดีมากๆ มิติที่หลายหลายจากสารพัดวัตถุดิบ ต่างผสมผสานอย่างลงตัวและสร้างอรรถรสและความรื่นรมย์ในปาก ทั้งจากกลิ่น เท็กเจอร์และรส


ผมแนะนำให้กินสลับแบบปกติกับแบบใส่ซอสพริกที่หวานนิดๆ รสโปร่ง ไม่เผ็ดมากก็ช่วยเปลี่ยนรสได้ดีครับ





Penglai Pavilion Pork Rib and Scallion Stew


จานนี้อร่อยครับ โดยเป็นหมูดำจากไต้หวันตุ๋นซึ่งสูตรนั้นได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์ของเชฟที่เคยดูแลร้าน Penglai Pavilion เชฟนำซี่โครงหมูทอดไปตุ๋นในสตูที่ทำจากหัวหอมน้ำตาลและซีอิ๊วกับเหล้าเส้าชิงไวน์ รสนั้นมีความคล้ายหมูตุ๋นคาคุนิแบบญี่ปุ่น ที่รสชาติและมีมิติมากกว่าจากสารพัดผักที่ใส่ลงในสตูตัวเนื้อหมูถูกตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย กลิ่นเหล้าจีนอ่อนๆนั้นช่วยเพิ่มความอยากอาหารและสร้างความแตกต่างให้กับจานนี้จริงๆสมกับเป็นจานดังที่สืบทอดมาแต่โบราณอร่อยครับ เป็นจานที่ดูเรียบง่ายทว่าทำมาได้ดีมากๆ





Sea Cucumber with Peas


จากนี้ก็เป็นเมนูจากยุคอาณานิคมเช่นเดิม โดยเป็นจานดังจากร้านเป่าเหม่ยโหลว ในไถนาน  โดยตัวปลิงนั้นแทนปราสาท ถั่วเหมือนดั่งทหาร จำลองภาพของปราสาทและทหารทำให้เป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นในเวลานั้นมาก อย่างแรกที่อยากชื่นชมคือปลิงหนามนั้นนุ่มมากข้างในของมันเป็นกุ้งที่หวานอร่อย ซอสรสหวานนำอุมามิเบาๆมีกลิ่นขิงอ่อนๆ กระเทียมนิดๆเข้ากับกุ้งและปลิงรวมถึงรสถั่วหวานหวานได้เป็นอย่างดี เป็นอีกจานที่ทำออกมาได้ดีครับ 







Mullet Roe Fried Rice


จานนี้เป็นจานที่ทำให้ผมสั่งเซตนี้เลยแต่เป็นหนึ่งในใจที่ผิดหวังที่สุดในวันนี้อุณหภูมิในวันนี้อากาศเย็นกว่าปกติอาจจะมีส่วนเกี่ยวกับการผัดข้าวผัดครับ อาหารจานนี้อุณหภูมิไม่ได้เลยเหมือนทำทิ้งไว้ ตัวข้าวผัดนั้นมีความหอมกระทะแต่ข้าวค่อนข้างแฉะกว่าร้านอาหารจีนชั้นนำควรจะเป็นรวมทั้งรสของข้าวนั้นมีความหวานนำ แม้จะมีความเค็มอ่อนๆและกลิ่นอายทะเลจากไข่ปลาแห้ง ซึ่งผมว่าออกจะดูไม่ลงตัวสักเท่าไหร่





ซุปสี่สมบัติ โดยเชฟใช้เบสจากซุปไก่ตุ๋นเป็นเวลา 2 ชั่วโมงใส่เป๋าฮื้อ ไช้เท้า กังป๋วยและเครื่องในหมู ตัวซุปของร้านค่อนข้างเบาๆไม่deepและเข้มข้นนัก ออกเเนวใสๆ กลิ่นของกั้งป๋วยนั้นไม่ค่อยชัด ผมรู้สึกถึงความเด่นชัดจากไชเท้ามากกว่าอย่างอื่น ส่วนเครื่องในนั้นทำได้สะอาดและไม่มีกลิ่นดีครับ





ของหวานจานแรกเป็นผลไม้ออแกนิคที่ปลูกในไต้หวันทั้งหมด



พุดดิ้งอัลม่อนต์ เป็นขนมหวานอีกจานครับ โดยเสริฟ์มาแบบร้อน ด้านบนเป็นนมอัลม่อนต์  โดยรับประทานกับไซรัปที่ทำจากน้ำตาลและผลเบอร์กาม็อตครับ แปลกดี ผมชอบรสของไซรัปที่สร้างความแตกต่างและเข้ากับกลิ่นของอัลม่อนได้ดีครับ




🍾Service:  8.25/10

🍽Food: 7.75/10

🤩WOW factor: 7.5/10

💰Value for money: 8.5/10


Total: 7.75/10


Visit : FEB-2024


⏰เวลาเปิดปิด: 12–2:30 PM, 6–10 PM

💵ค่าเสียหาย: ~2,980 TWD ++

⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.mountain-n-seahouse.com/


เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก

ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา  #บอสพาชิม #eatliketheboss


InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )

FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)


Comentarios


bottom of page