top of page

Wanayook


ในที่สุดก็ได้มาสักทีหลังจากเลื่อนไปเลื่อนมาตั้งสามเดือน คิวร้านแน่นจริงๆครับ คนอื่นเขามาลองไปถึงไหนละ ได้มาลองชิมอาหารที่ วรรณยุค ฝีมือเชฟชาลีสักที


Place🏢 : Wannayook เป็นร้านอาหารฮอตฮิต ตั้งอยู่ในบ้านทรงไทยโบราณที่ซ่อนอยู่กลางตึก โดยทางเข้านั้นมีจุดสังเกตเป็นกาแฟสัญชาติอเมริกาแบรนด์สีเขียว แนะนำให้ขับรถช้าๆมีคนเลยเยอะมากครับ บริเวณดดยรอบร้านยังมี Vertical garden ที่งดงาม ให้บรรยากาศแบบ tropical paradise กลางเมืองที่วุ่นวาย ผมชอบมากครับ


Food🍽 : อาหารของ Wannayook เป็นอาหารไทยที่ทำมาในรูปแบบร่วมสมัยผ่านการตีความของเชฟลูกครึ่งอย่าง ​​ชาลี กาเดอร์ ออกมาเป็นสไตล์ของร้าน โดยมีตีมหลักเป็นอาหารง่ายๆอย่าง “ข้าวแกง” อาหารที่ดูเบสิค แต่มีความหลากหลาย ซึ่งสเนห์ของมันอยู่ที่การ Mix & match กับข้าวหลายๆอย่างที่หลายๆตัวก็เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ


ที่นี้นั้นเหมาะเเก่การรับรองแขกชาวต่างชาติ เพราะนอกจากรสชาตินั้นยังคงความไทยแต่ก็ไม่จัดจ้านนัก อาหารที่นี้ยังเป็นตัวเริ่มบทสนทนาที่ดี ว่าอาหารที่เสริฟ์แล้วจริงๆหน้าตาเป็นอย่างไร มีบทสนทนาไม่รู้จบจริงๆครับ และอีกสิ่งนึงที่ผมชอบคือที่นี้เปรียบเสมือน showcase ข้าวไทยอาหารง่ายๆในแบบโก้เก๋ไม่เบา


รสชาติอาหารนั้นแม้จะทำออกมาได้ไม่มีที่ติและสมดุลดี แต่อย่างไรก็ตามในหลายๆจาน ผมรู้สึกว่าองค์ประกอบมากเกินไปจนไม่มีอะไรเด่น แต่มันกลมเรียบและใกล้เคียงกันทุกจาน จนทำให้คอร์สดูไม่ค่อยตื่นเต้นและน่าเบื่อไปบ้าง


รวมทั้งข้าวซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามยัดลงมาในคอร์สให้ไม่หลุดตีม (ก็แน่ละตีม “ข้าว”แกง นิ) บางจานนั้นโดยส่วนตัวคิดว่าเป็นองค์ประกอบที่ไม่มีก็ได้


Service : การบริการทางร้านทำได้ดีตามมาตราฐาน จุดชื่นชมเลยคือความแข็งแกร่งของทีมเซอร์วิสที่ยกจานขึ้นมาแต่งกันที่ชั้นสอง (ครัวอยู่ชั้นล่าง) แต่ผมรู้สึกว่ายังขาดความ consistency ว่าจะไปทาง professional หรือ friendly ยกตัวอย่างเช่น บริกรท่านนึงมาตามสคริปเป๊ะๆแบบมือาชีพ ในขณะที่อีกท่านมีการเล่น,เติมเเต่ง เช่นการเล่นเสียงจนผมรู้สึกมากเกิน เปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน


จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ





Kombucha ทำเองเป็น welcome drink ของเรา ที่นี้เบลด์เรื่องดื่มได้ดีจริงๆครับชาหลังอาหารก็ดีมาก คอมบุฉะแก้วนี้ดื่มง่ายมีรสเหมือนโคล่านิดๆ อร่อยมากครับ





Amuse Bouche เสริฟ์มาพร้อมกัน


เเป้งข้าวเกรียบ กับกุ้งลาเสือจากสุราษฎร์ธานี ดอกช่อม่วง คำนี้รสอ่อนๆ มีกลิ่นขมิ้นนิดๆหวานละมุนจานกุ้งคุณภาพเยี่ยมที่เด้งในปากตัดกับข้าวเกรียบที่ฟูกรอบ





กรวยหอยamusebouche ของเรานั้นใช้หอยอาซาริ Elmusionหอยนางรม และซอสไข่ปู เท็กเจอร์ที่หนึบหนับของหอย กรวยที่กรอบ อิมูชั่นที่ฟูเบา นั้นสร้างความสนุกสนานในปากเป็นอย่างมาก รสหวานของหอยชั้นดีถูกเพิ่มความอุมามิด้วยหอยนางรม ก่อนจะตัดด้วยรสเค็มเผ็ดนิดๆของซอสไข่ปู ผมพึ่งรับประทานจานที่คล้ายกัน (ดองรีวิวไว้อยู่โปรดเห็นใจ) ที่ร้านอาหารใน michelin guide แต่ต้องบอกว่าผมประทับใจเวอร์ชั่นของ Wannayook จัง






หอยนางรมย่างพร้อมซอสกอเเละ ตัวนี้หอยย่างมาน้อยๆยังคงความชุ่มฉ่ำแต่มีกลิ่นหอมควันๆ ตัวซอสรสหวานอ่อนๆไปกันได้ดีกับหอยนางรมครับ





คำถัดไปเป็น ปลาทูเเม่กลอง และ ข้าวมือซูคีที่เป็นข้าวดอย ออนท็อปด้วย ตะลิงปลิงจากเขาใหญ่ ก่อนห่อด้วยแป้งชะอม


เมื่อเข้าปากเราจะได้กลิ่นเฉพาะตัวตะลิงปลิงนำกับรสเปรี้ยวอมหวานซึ่งช่วยชูรส ปลาทูหนุบหนับเค็มนิดๆได้ดีมาก ตัดกับแป้งที่กรอบบางไม่ค่อยได้กลิ่นกับรสชะอมนัก เเต่ก็เป็นคำที่อร่อยดีครับ





ต้มข่าไก่ espuma ที่ใช้ไก่freeranch จากศรีสะเกต เสริฟ์มาพร้อมกับน้ำพริกผัดกากหมู ข้าวหอมมะลิ105 จากอุบลราชธานี และ น้ำปลาหวานกุ้ง compress ที่ได้แรงบันดาลใจจากกุ้งแพ


จานนี้เป็นจานที่ทุกคนในโต๊ะยกให้ว่าดีที่สุด ไก่นุ่มมากแต่ยังมีความเด้งนิดๆเป็นของชั้นเลิศครับ ตัวซุปครีมมี่หวานอมเปรี้ยวนิด เพิ่มความเข้มข้นด้วยรสพริกของน้ำพริก และรสชาติหวานเค็มของน้ำปลาหวานที่เคี้ยวมันและหอมกลิ่นกุ้งมากหอม ทำออกมาได้ดีครับ


สิ่งที่ไม่ชอบคือองค์ประกอบจานนี้มากเกินไป ปริมาณข้าวที่น้อยนิดเหมือนข้าวต้มนั้นไม่ใส่ก็ได้ และกลิ่นกุ้งนั้นกลบกลิ่นหอมเย็นละมุนของข่าที่เป็นจุดเด่นของอาหารจานนี้ครับ





กุ้งแม่น้ำจากสุราษฎร์ธานีย่าง เสริฟ์มาพร้อมกับผงแกงไตปลา งาขี้หม่อน ดริปหลนปูนา ตัวกุ้งคุณภาพดีมากครับผมเคยกินกุ้งแม่น้ำภาคใต้มาหลายร้านที่นี้ถือว่าดีอันดับต้นๆในความทรงจำ ดริปหลนปูนั้นเข้ากับกุ้งได้เป็นอย่างดี ให้รสหวานมันครีมมี่เข้ากับกุ้งอารมณ์มันกุ้งแบบนั้น ผงแกงไตปลานั้นให้รสเค็มเผ็ดอ่อนๆ ซึ่งผมว่าถ้าเข้มข้นกว่านี้จะชูจุดเด่นของแกงไตปลาได้ดีขึ้น และตัดรสกับดริปปูนา






จานนี้เป็น ห่อหมกปูแบบดั่งเดิม รับประทานกับ ซอสดีหมึก ยำคะน้า ไข่ฟู ข้าวเหนียวเขี้ยวงูพอง และผักหิน รับประทานกับข้าวทับทิมชุมเเพสกล


เป็นจานที่รสกลมๆกลมกล่อมดีครับ ตัวห่อหมกอาจจะเป็นอาหารที่ความดั่งเดิมมากที่สุดในวันนี้มีรสไม่จัดนักแต่ยังคงมีความเป็นห่อหมก ก่อนจะเพิ่มความนัวร์ด้วยซอสดีหมึก และความเผ็ดและกรอบนิดๆจากคะน้า เป็นจานทีดีทีเดียว เเต่ผมองค์ประกอบอย่างยำคะน้าและห่อหมกนั้นแยกกันก็ได้ครับ





ปลากุสลาดทอด จับคู่มากับเเกงเลียงปลาสลิดบางบ่อทอด ออนท็อปด้วยน้ำมันแมงลัก รับประทานกับข้าวหอมมะลิเบา


จานนี้ตัวปลาทูทอดอร่อยมาก ฮ่า ปลากุสลาดผมว่าโอเวอร์คุ๊กไปนิด ตัวกลิ่นของน้ำมันแมงลักดูดึงความเด่นของกลิ่นแกงเลียง เป็นจานที่ทำออกมารสชาติดีเเต่ผมว่ายังดูสับสนและไม่ลงตัวนักในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ





จานนี้มี ใบชะมวง หมูหวาน แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว ข้าวดอยเชียงใหม่ และตกแต่งด้วยแผ่นแกงส้มกับดอกไม้ทานได้ครับ


จานนี้เป็นจานที่ทำออกมาได้ดีครบรสครับรสฝาดของใบชะมวงเข้ากันได้ดีกับรสหวานในหมูเนื้อนุ่มจากจังหวัดข่อนแก่น ก่อนจะตัดด้วยรสเปรี้ยวอมเค็มของแกงส้ม เท็กเจอร์ของไข่ปลาเรียวเซียวคล้ายกับอิคุระคุณภาพเยี่ยมที่ตัดกับความกรุบกรอบของแผ่นแกงส้มกรอบซึ่งช่วยเพิ่มมิติให้กับอาหารจานนี้ได้อย่างน่าสนใจ





จานล้างปากของเราเป็น เชอเบทน้ำมะพร้าวน้ำหอมอัมพวากับน้ำมะนาว ออนท็อปด้วยสาหร่ายดวงองุ่น รสกำลังดี เปรี้ยวหวานอ่อนๆ แต่ผมว่ากลิ่นมะนาวนั้นแอบกลบกลิ่นของมะพร้าวไปบ้าง





จานเนื้อของเรา มัสมั่นเนื้อร่องซี่โครงวัวจากสกลนคร ส่วนอีกข้างเป็นสเต็กไทยวากิวขอนแก่น รับประทานกับถั่วลิสงและมันทอด เนื้อไทยวากิวคำนี้เป็นเนื้อที่ดีมากๆครับคุณภาพสูงและอร่อยจนน่าตกใจ ย่างมาเค็มอ่อนๆเนื้อนุ่มหอมกลิ่นเนื้อมากๆแต่ยังคงมีความมันเเทรกอยู่อย่างพอดี รสเค็มของมันตัดกับรสหวานของเครื่องแกงมัสมั่นที่รสไม่จัดมากนัดได้อย่างดี ตัวเครื่องเคียงอย่างมันฟรั่งและถั่วลิสงนั้นก็เข้ากับอาหารได้อย่างดี เป็นจานที่ดีมากครับ อร่อยและโชว์คุณภาพของเนื้อไทยชั้นยอดขึ้นไปอีกระดับ





เมนด์หลักเราแน่นอนเป็นข้าวแกง โดยมีข้าวให้เราเลือกสามชนิดครับ ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องพันธุ์105 ข้าวดอย


โดยมีเครื่องเป็น ยำไข่ดาว ที่เป็นอีกหนึ่งของดีของร้าน โดยเชฟทำไข่ขาวกรอบ ส่วนไข่แดงนั้น ไข่เป็ดเอาไปดองเเม็กกี้ ส่วนไข่ไก่ดองน้ำปลา แล้วราดด้วยน้ำยำเล็กน้อย เป็นจานที่อร่อย ผมเเนะนำให้แยกชิมไข่ดองแล้วค่อยยำจะสนุกกว่า





ใบเหลียงผัดไข่ กลางๆ ค่อนข้างไปทางธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษครับ


แกงคั่วกรรเชียงปูใบชะคราม รสเค็มนำหวานปลายลิ้น กลางๆค่อนไปทางธรรมดาอีกเช่นกัน


ยำใบชะคราม และปลาหมึกย่างมะพร้าว จานนี้ผมว่าน้ำที่ลวกใบชะครามยังคงค้างเลยทำให้จืดมาก ที่ชอบเห็นจะเป็นกลิ่นควันหวานๆของมะพร้าวที่เข้ากับปลาหมึกเนื้อกรอบไม่เหนียวได้ดีครับ





ขนมหวานเป็น เปียกปูนมันทำจาก มะพร้าวเผา เปียกปูนใบเตย ไอซ์ครีมขนมเปียกปูน เมอรเเรง


เค็ม มัน ครีมมี่นัวร์ ไม่หวานมากจานนี้ทำออกมาได้ดีและอร่อยครับ ตัดกับรสหวานกรุบๆของเมอร์แรงค์อีกนิดเเล้วเข้ากันดีทีเดียว ยิ่งกินกับชาร้อนๆของทางร้านเเล้วเข้ากันดีมาก มะพร้างเค็ม ตัดรสหวาน





ปิดท้ายด้วย ชูครีมไข่เค็มลาวาไข่เป็ดออเกนิค


กับขนมหม้อแกงวรรณยุกต์ เสริฟพร้อมชากุหลาบและเสาวรสเบลนด์เองสูตรพิเศษของทางร้าน



🍾Service : 7.75/10

🍽Food: 8/10

🤩WOW factor: 7.5/10

💰Value for money: 8/10


Total: 7.75/10


Visit : MAY-2022


🗺เเผนที่ :https://goo.gl/maps/3hiUBgSPEeGqeFJp9

⏰เวลาเปิดปิด: 5–11PM , Close on MON/TUE

💵ค่าเสียหาย: ~2750++ Baht

⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://instagram.com/wana.yook


เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก

ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss #wannayook #ThaiFood #วรรณยุค #ข้าวแกงCulture #KhaoGaeng.


Website: www.eatlikethebossth.com

InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )

FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)

Blogdit: https://www.blockdit.com/eatliketheboss

Email : eatlikethebossth@gmail.com




Comments


bottom of page