top of page

Statholdergaarden



Statholdergaarden เป็นร้านMichelin Star หนึ่งดาวของเชฟชาวสแกนดิเนเวียคนแรกที่ชนะการแข่งขัน Bocuse d ‘or


เย็นวันนั้นอากาศในออสโลดีมากๆผมค่อยๆเดินชมตึกไปยังStatholdergaarden ที่ตั้งในตึกประวัติศาสตร์ของกรุงออสโล ซึ่งมีอายุกว่าสี่ร้อยปีและเคยเป็นบ้านพักของข้าหลวงประจำเมืองแต่ก่อน ห้องอาหารของที่นี้นั้นสวยงามมาก ยิ่งเป็นช่วงเย็นๆที่แสงเล็กน้อยรอดผ่านกระจกเข้ามากระทบกับร้านที่ตบแต่งด้วยขาวสะอาดตาแซมสีฟ้าอ่อนเป็นความรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แค่ได้เข้ามานั่งรับประทานอาหารที่นี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีแล้วครับ





หากสังเกตร้านที่ได้มิชลินสตาร์ในออสโล นี้เป็นร้านอาหารสไตล์อินโนเวทีฟทั้งหมดยกเว้นร้านนี้ ทำให้ผมสงสัยว่าร้านอย่าง statholdergaaden ที่เสริฟ์อาหารสไตล์Classic นั้นจะมีความยอดเยี่ยมขนาดไหน


เชฟ Bent stiansen นั้นประวัติไม่ธรรมดาทีเดียวครับ เชฟเริ่มทำงานที่โรงแรม Continental ในออสโล ก่อนที่จะไปฝึกฝีมือที่ฝรั่งเศสกับเชฟระดับตำนานอีกท่านอย่าง Alain chapel โดยเขาเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเชฟที่เราอาจจะคุ้นหน้าอย่าง Michel roux jr หลังจากลับฝีมือเขากลับมาทำงานที่ห้องอาหารที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานของโรงแรม Continentalอย่าง Annen Etage หลังจากนั้นสามปีเขาก็ได้รับเหรียญทองในการแข่งขัน Bocuse d ‘or และเปิดร้าน Statholdergaaden ในที่สุด


เมนูของทางร้านนั้นมีความหลากหลายมากครับโดยเราสามารถเลือกได้ทั้งจากเมนูอลาคาร์ท หรือจะเป็นคอร์สเมนูประจำวัน ห้าจาน (1545nok)และหกจาน(1645nok)หรือจะเป็นtasting memu 10คอร์ส (2070 Nok) ก็ได้ครับ โดยส่วนตัวแนะนำให้สั่งแบบเต็มไปเลยครับ ราคาอาจจะดูสูงแต่ถ้าเทียบค่าครองชีพเเละ amouse bouche ที่มาแบบอลังการและ


หลังจากที่ผมได้ลองแล้วผมต้องบอกว่าอาหารของที่นี้เป็นการตีความ nouvelle cuisine อย่างเคร่งครัดที่หาได้ยากแล้วในปัจจุบัน ผสมผสานกับวัตถุดิบนอร์เวย์ออกมาได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ เทคนิคในการทำอาหารของที่นี้นั้นมีมาตราฐานที่ยอดเยี่ยม สมดุลและบาลานซ์ดี โดยเฉพาะจานที่ใช้วัตถุดิบพื้นเมืองอย่างปลาวาฬหรือเนื้อเป็ดนอร์เวย์ นั้นผสมผสานวัตถุดิบเเละเท็กนิคของอาหารสแกนดิเนเวี่ยนเข้ากับ Nouvelle cuisine ได้อย่างลงตัว ในมื้อนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปกันครับ







คำแรกเป็น Coronette ปลาเเมคเคอเรล ครีมfaiche แผ่นโคนบางๆกรอบเบา ทำให้เข้ากรับครีมที่มีความเปรี้ยวอ่อนๆสชื่นและปลาเนื้อนุ่มเปรี้ยวมันอ่อนๆ เป็นการเปิดประสาทรับรสได้ดี


คำต่อมาเป็นTart เนื้อลูกวัว คำนี้แป้งแข็งกว่าคำแรง มีกลิ่นน้ำมันกระเทียมซึ่งช่วยขับรสของเนื้อได้ดี





ก้ามลังกุสตีน จานนี้ปรุงรสมาอ่อนๆเน้นชูความสดใหม่ของวัตถุดิบ มีรสหวานเฉพาะตัวของลัวกุสตีน ทำได้ดีตามมาตราฐานร้านครับ


ซุปหน่อไม้ฟรั่ง ซุปชามนี้เสิรฟ์มาอุ่นๆ ตัวเนื้อค่อนข้างเบาเกือบเป็นโฟมแล้ว มีกลิ่นหอมของหน่อไม้ฟรั่งกับไวน์ขาว เค็มอุมามิมีความเปรี้ยวนิดๆจากไวน์ ก่อนปิดด้วยรสฉุนอ่อนๆของchives ดีมากครับ





Amouse Bouche คำต่อมาคือ brioche chicken ออนท็อปด้วยสมุนไพรครับ จานนี้ตัวเนื้อไก้ก้อนเล็กๆเด้งมากๆตัดกับขนมปังที่นุ่มหนึบเล็กน้อย ก่อนปิดด้วยกลิ่นฉุ่นอ่อนๆของสมุนไพร คำนี้ปรุงรสมาน้อยมากๆครับ






จานแรก เป็น terrine ปลาwild salmonและhalibut ออนท็อปด้วย sear scallop ราดด้วยซอส bleublanc ใส่คาเวียร์จากสวีเดน รับประทานกับอวอคาโด้ Puree และ หัวราดิช


เห็นองค์ประกอบละแอบบช็อค เย็นไปไหน แต่เข้ากันอย่างน่าสนใจโดยเฉพาะหอยที่บางมากๆทำให้ช่วยเสิรมรสอุมามิเข้ากับปลาได้อย่างดี กลิ่นเอริตตี้และรสขมอ่อนของราดิชนั้นช่วยชูรสหวานของซีฟู้ดในจานนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวปลาเเซลม่อนรมควันและฮาลิบัตมีเนื้อเด้งกรอบตามมาตราฐานร้าน เเต่ส่วนตัวผมว่ากลิ่นจากหอยเชลล์นั้นกลบกลิ่นเฉพาะตัวของซอสไปสักนิด (เชฟคงคิดเช่นกันเวอร์ชั่นใหม่เอาหอยเชลล์ออกละ)





ขนมปังของทางร้านเป็น home made sourdough เสริฟ์มากับ เนยผสมเห็ดป่า เนยเค็ม ขนมปังของที่นี้เสริฟืมาอุ่นๆ ผิวไม่เเข็งและเนื้อเหนียว ฟูนุ่มกว่าsourdoughปกติ แปลกดีครับ





จานนี้เป็นจานนึงที่น่าสนใจในคอร์สนี้ ทาทากิ ปลาวาฬมิ้งค์ กับซอสพอนซึ และสลัดผักกะหล่ำ ขิง ผักชี และ cristalbread


ผักนี้มีความคล้ายผักในนึ่งมะนาวแบบไทย เนื้อปลาวาฬที่นี่ถือเป็นหนึ่งในปลาวาฬที่ดีที่สุดที่ผมเคยรับประทาน นุ่มดีมากไม่คาวเลือด มีความเข้มข้นแบบอากามิชั้นดี นุ่มแบบเนื้อสันในชั้นยอด อรอ่ยมากครับผิดกับภาพเนื้อปลาวาฬที่เคยเจอในร้านซูชิถูกๆที่ญี่ปุ่นเลย ตัวซอสพอนซึนั้นปรุงมาแบบหวานนำรสบางๆช่วยชูความอร่อยในตัวเนื้อปลาได้อย่างละมุน ก่อนจบด้วยความกรอบที่หลายหลายของผักสารพัดชนิดและกลิ่นหอมของผักชี เยี่ยมมาก





ถัดไปเชฟเสริฟ์ปลาเทอร์บอต มากับซุป Bouillabaise ที่ทำจากlangustineในจานแรก รับประทานกับartichoke และ turnips


เชฟเล่นกับรสชาติความคอนทราสด้วยรสเค็มของปลาที่searมาได้อย่างงดงามผิวกรอบเนื้อฉ่ำ กับซุปBouillabaiseที่รสหวานนำ ตัดกับแก่นตะวันรสเปรี้ยวมีกลิ่นสมุนไพรเย็นๆแทรก เป็นจานที่น่าสนใจ สดชื่น รสคลีน และแปลกดีครับ







ปลา Char ราดซอสครีมดริลเสริฟ์มากับโรลลีคห่อคะน้าหอยแมงภู่และมัสตารดดอง ออนท็อปด้วยคีนัวกรอบ ใบคะน้าทอด และchives


ปลาคุณภาพดีไขมันล้นเนื้อนุ่มทำได้ดี ตัวซอสครีมรสละมุนเค็มกำลังดีมีกลิ่นหอมเย็นเบาๆทำได้ดีเชนกัน เนื้อที่นุ่ทของปลาตัดกับคีนัวที่เบากรอบมากๆ


แต่ส่วนตัวว่าเปลือกโรลที่ทำจากลีคนั้นมีกลิ่นเฉพาะตัวมากไปจนกลบรสปลา แต่ถ้านับแยกกัน โรลนี้ก็ดีมากครับมีรสจัดจ้านที่หลากหลายจาก มัสตาร์ดรสเปรี้ยว มีความกรุบๆของคะน้าหั่นแบบbrunoise หนึบๆของเนื้อหอยแมงภู่สับ


.



ปลาSander ราดซอสฮอเรดิช รับประทานกับ Compoteเซเลอรี่กับแตงกวา หอมแดงดอง และถัวเขียวpuree ปลาจานนี้ทำออกมาได้น่าสนใจและดีมากๆครับ Sear มาผิวกรอบนิดๆ เนื้อเด้งเเน่นไม่มันมาก ตัวซอสนั้นแม้มีความครีมมี่แต่ไม่เลี่ยนด้วยกลิ่นฮอสเรดิช รสเค็มมันของซอสตัดกับรสหวานอมเปรี้ยวแสนสดชื่นของCompoteได้อย่างน่าสนใจ โดยมีpureeเป็นตัวประสาน เยี่ยมครับ







Sourcream lemongel rubarb granita เป็นจานล้างปากเราครับ ด้านล่างรสเหมือนชีสเค้กเหมือนกัน รสไม่เปรี้ยวมาก รูปบ๊าปกรานิต้าด้านบนมีกลิ่นเขียวอ่อนจากเอลเดอฟลาเวอร์





หัวใจกับเนื้อเป็ดนอร์เวย์รมควัน รับประทานกับ ทารากอนมาโย หน่อไม้ฟรั่ง ถัวไพน์นัท บรัทเซลสเปร้าท์ และ ซอสทับทิม กลิ่นทารากอนเข้ากับเป็ดที่curedและรมควันอ่อนๆได้อย่างลงตัว เนื้อนุ่มรสเค็มนำเข้มข้นมาก หัวใจกรอบไม่เหนียว ตัดกับซอสหวานอมเปรี้ยวของทับทิม มีกลิ่นทารากอนและความมันของมาโยช่วยให้จานนี้ไม่แห้งไปนัก ความกรอบหวานของหน่อไม้ฟรั่ง ถัวกรุบๆ อร่อยและดีมากๆ เป็นหนึ่งในจานที่ผมชอบที่สุดในวันนี้ และเป็นหนึ่งในจานเป็ดที่ดีที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย





จานเนื้อของเราเป็นแกะจากฟาร์มทางตะวันตกนอร์เวย์ โดยเชฟทำมาสองแบบส่วนนึงตุ๋น อีกส่วนนึงย่าง รวมถึงเอาบางส่วนเอาไปทำไส้กรอกด้วย เสริฟ์มากับTartalette เฟนเนลท็อปด้วยpureeมันฟรั่ง แครอท และซอสbearnaiseแกะกับเนยกระเทียมสมุนไพร จานนี้รสค่อนข้างไม่หนักเท่ากับร้านอื่นๆ แกะย่างทำได้ตามมาตราฐานร้านโดยมีรสของเนยกระเทียมช่วยดับคาวแกะ


ส่วนแกะที่ตุ๋นนั้นมันกว่าพอสมควร รสฉุนเขียวของผักไมโครกรีนช่วยทำให้ไม่หนักเกินไปนัก สำหรับไส้กรอกเนื้อนุ่มหอมโรสเมรี่ ส่วนทาร์ตนั้นทำออกมาได้ตามมาตราฐานไม่มีอะไรหวือหวาครับ





จานชีสของเราเป็นชีสนมวัวนอร์เวย์ทั้งหมดไม่ว่าจะ ชีสอ่อน ชีสแข็ง หรือ บลูชีส โดยมีเครื่องเคียงน่าสนใจ อย่างเช่นน้ำผึ้งเบซิล หรือ คาราเมลไลซ์พีแคน






ขนมหวานของเรา เป็นโดมnyrหรือชีสสดนอร์เวย์สอดไส้ราสเบอรรี่ รับประทานกับสตอราสเบอรี่ financierพิทาชิโอ้ และซอสคาราเมลเค็ม


อย่างแรกตัวฟินันเซียอรอ่ยมากเนื้อหนุบนับมีถั่วมันกรุบๆหอมเนยทำมาได้ดีจริงๆครับ ตัวโดมเนื้อเด้งนุ่มมีความใกล้เคียงกับพานาคอตต้าเหมือนกัน



Petitfour



🍾Service : 8/10

🍽Food: 8.25/10

🤩WOW factor: 8/10

💰Value for money: 8.25/10


Total: 8/10


Visit : July-2022


🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/QQi9cYvEJN3LSAXF7

⏰เวลาเปิดปิด: 6PM–12AM ปิดทุกวันอาทิตย์

💵ค่าเสียหาย: ~2070 Nok

⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://statholdergaarden.no/


เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก

ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss


Website: www.eatlikethebossth.com

InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )

FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)

Blogdit: https://www.blockdit.com/eatliketheboss

Email : eatlikethebossth@gmail.com



Comments


Commenting has been turned off.
bottom of page