top of page

Sushi Ikko ยอดซูชิเเห่งเเดนเหนือ


Sushi Ikko ถือเป็นหนึ่งในร้านที่ผมตั้งตารอที่สุดในทริปนี้เลยครับ เพราะร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่จองยากที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยรางวัลTabelog Gold ที่มีเพียง30ร้านทั่วญี่ปุ่น กับคะเเนนถึง4.53 เเละ ร้านนี้ก็ยังได้Michelin star ถึงสองดาวอีกด้วย


Ikko ถือเป็นร้านนี้ที่เรียกว่า ชื่อเสียงดังน้อยกว่าที่ได้รับอาจจะเนื่องจากที่ตั้งที่อยู่ในเมืองไกลอย่างฮอกไกโด ซึ่งเมื่อกับเทียบร้านระดับเดียวกันอย่าง Amamoto , Kimura , Mitani ,Saito, Sugita และ Tenzuru kyomachi Ikkoอาจจะดูจองง่ายกว่ามากเเต่จริงๆก็ยากแล้วนะ ร้านนี้นับเป็นตัวเลือกที่ง่ายทีเดียวสำหรับใครที่อยากทาน Sushiที่ได้รางวัล Tabelog Gold (2019)



Sushi Ikko สำหรับผมเเล้วเป็นร้านที่เดินทางไปได้ง่ายมาก มันห่างจากโรงเเรมของผมบริเวณTanuki kojiเพียงไม่กี่นาที นับว่าเป็นร้านอาหารระดับสูงที่เดินทางไปได้ง่ายสำหรับนักท่องเที่ยวร้านหนึ่งในเกาะHokkaidoเลยครับ



Sushi Ikkoตั้งอยู่ชั้นสองของอาคารพานิชย์เล็กๆเเห่งหนึ่ง ตัวป้ายที่ชั้นล่างไม่มีภาษาอังกฤษเเละหาที่ตั้งร้านยากพอสมควร ผมเเนะนำให้ไปก่อนเวลาเล็กน้อยเพื่อใช้เวลาหาที่ตั้งร้านนะครับ



Sushi Ikko หรือ Ikkou นั้นมีเพียงเค้าเตอร์เดียวเเละเปิดเพียงวันละสองรอบ รอบละเจ็ดคนเท่านั้น น้อยกว่าMiyakawaร้านซูชิชื่อดังอีกร้านในเมืองเสียอีก สำหรับการตบเเต่งในร้าน เค้าท์เตอร์ของร้าน Ikko ร้านนี้ใช้ไม้อิโนกิชิ้นใหญ่สามชิ้นต่อกันให้เข้ารูป โดยไม้นี้เชฟคุโดะได้เลือกทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อพอเห็นเค้าเตอร์ตัวนี้ตอนเข้าไปยังร้านผมนี้เเอบติดสตั้นท์นิดๆเลยละครับ มันสวยเอาเสียมากๆ





Junya Kudo ถือเป็นเชฟซูชิอัจฉริยะคนหนึ่งและมีซูชิอยูในสายเลือด เขาเดินตามรอยเป็นเชฟซูชิเฉกเช่นเดียวกับปู่เเละพ่อ เเละเริ่มฝึกหัดปั้นซูชิเเต่เด็ก จนได้เริ่มปั้นซูชิเมื่ออายุ18 ก่อนจะรับรับสืบทอดร้าน sushi Ikkoจากบิดาเมื่ออายุเพียง 25 เเล้วไต่เต้าจนได้มิชลินสตาร์สองดาวอย่างรวดเร็ว เเละได้Tabelog gold ในปีล่าสุด เรียกว่าเป็นเชฟซูชิไฟเเรงที่ดังขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ



ตัวเชฟคุโดะมีเเพสชั่นในการทำอาหารให้ดีที่สุดและจะสรรค์หาเฉพาะของที่ดีที่สุดมาเสริฟ์ลูกค้า เขาค่อนข้างเรื่องมากในเรื่องของวัตถุดิบถึงขนาดที่ตัวเชฟนั้นจะออกไปกับชาวประมงถึงเเหล่งการจับปลาเพื่อให้เเน่ใจถึงแหล่งที่มาเเละคุณภาพของปลาที่เสริฟ์เลยทีเดียว อย่างปลามากุโร่เชฟจะเลือกใช้ปลาจากOmaที่ว่ากันว่าเป็นปลาทูน่าที่ดีที่สุดในโลก Uniต้องใช้Uniที่เลี้ยงดูเป็นพิเศษจากฟาร์มเล็กในหมู่บ้านห่างไกลเเถบKushiro



ทำให้ราคามื้ออาหารของเขานั้นมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบร้านอาหารอื่นในฮอกไกโด จริงๆเป็นหนึ่งในร้านที่เเพงที่สุดในเกาะทางเหนือเเห่งนี้เลยละครับ เเต่ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นมื้ออาหารที่มีความคุ้มค่ามากๆมื้อนึงในความคิดผม เพียงได้ดูการปั้นที่ดุจการวาดงานศิลปะของเชฟหนุ่มเปี่ยมเสนห์คนนี้ก็เกินคุ้มเเล้วครับ หากมีโอกาสกลับมาที่ Hokkaidoอีกครั้งผมก็คงไม่พลาดที่จะมาเยือน Ikkoอีก



การปั้นของ Junya Kudoนั้นเปรียบเหมือนศิลปะเเละมีเสนห์เหลือล้น ภายในร้านนอกจากมีเสียงทำอาหารบ้างเป็นครั้งคราว ลูกค้าทุกคนเเทบเหมือนถูกมนต์สะกดจากความสวยงามในลีลาการปั้นที่แสนนุ่มนวลของเชฟหนุ่มใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฝีมีดที่นุ่มนวลละเอียดละออประดุจการลงมีดของศัลยเเพทย์ จนมีFood criticเมืองนอกบางท่านถึงกับกล่าวว่าการปั้นของคุโดะซังเหมือนการเต้นบัลเลต์เสียมากกว่า เเต่ส่วนตัวผมว่า การปั้นบางยังไม่สม่ำเสมอมีบางคำที่หลุดไปบ้างเล็กน้อย เเต่เขามีอนาคตที่ไกลมากเมื่อคำนึงถึงอายุที่ค่อนข้างน้อยสำหรับเชฟซูชิ



สไตล์ข้าวของเขานั้นมีข้าวที่เเข็งกรุบๆเเต่ไม่เเห้งมีรสเปรี้ยวน้อยมากๆมีความหอมของข้าวสูงและความเค็มนิดๆ ซึ่งผมคิดว่ามันเข้ากับสไตล์การปรุงของเขาที่เน้นโชว์ความอลังการของคุณภาพวัตถุดิบชั้นเลิศเอามากๆ





สำหรับการบริการนั้นตัวเชฟKudoเองสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัด เเต่บริกรสาวของร้านนั้นสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับยอดเยี่ยมทำให้ลูกค้าต่างชาติอย่างผมไม่ลำบากมากนัก โดยเชฟจะเล่าเรื่องราวของวัตถุดิบ วิธีการทำพลางขยับมือปั้นอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะอธิบายกับลูกค้าก่อนเสริฟ์เป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้ทุกการสื่อสารของเชฟ ผมต้องถามเเล้วให้บริกรแปล ซึ่งบางครั้งผมก็เกรงใจที่จะถามทุกคำ ทำให้อรรถรสอาจจะตกหล่นไปบ้าง เเต่ถ้าเราสงสัยอะไรเป็นพิเศษก็สามารถสอบถามได้นะครับ



ทางร้านก็เสริฟ์น้ำเย็นเช่นเดียวกับซูชิMiyakawa สาเหตุคงเป็นเพราะอุณหภูมิที่หนาวเหน็บของเมืองเเห่งนี้ ตัวเมนูเครื่องดื่มมีเเต่ภาษาญี่ปุ่น เเต่บริกรของเราสามารถเเนะนำได้เป็นอย่างดีตลอดมื้ออาหารครับ ตัวเลือกสาเกในร้านค่อนข้างจำกัดส่วนใหญ่เป็นสาเกจากผู้ผลิตในเขตฮอกไกโด ซึ่งต่างจากMiyakawaที่มีสาเกหายากจากผู้ผลิตชั้นเลิศจากทั่วเกาะญี่ปุ่น ที่บางตัวจะขายให้เฉพาะร้านอาหารบางร้านด้วยซ้ำ


ในมื้อนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ




จานเเรกเป็น ปลาคุเอะซาชิมิ จานนี้เชฟจะนำไปเเช่คอมบุดาชิก่อนเสริฟ์ มีเอ็นนิดๆ กรอบมากๆมันนิด ปรุงรสน้อยมากๆ เน้นโชว์ความสุดยอดของวัตถุดิบ



จานที่สองเป็นอาวาบิครับ เป็นหนึ่งในเป๋าฮื้อที่มีเอกลักษณ์ที่สุดที่ผมเคยกิน มันเสริฟ์มาเเบบไม่มีซอสอะไรเลย


ตัวเนื้อกึ่งดิบกึ่งสุกเเต่นุ่มมาก แต่ไม่มีความคาวเลยเเม้จะไม่มีซอส คำเเรกเนื้อมีรสหวานเค็มนิดหน่อย ส่วนคำสองนั้นจะกินกับใส่ตับขมกว่าเรียกว่าขมจริงๆเเต่ไม่ติดในคอ มันเหมือนรสชาติเเบบผู้ใหญ่ๆ




มากุโระเป็นคำต่อมา เชฟจะนำสาหร่ายไปย่างให้กรอบเเล้วนำมาพันรอบเนื้อปลา และราดด้วยซอสจากซอสสาหร่าย


คำนี้เทพมากครับ สาหร่ายที่กรอบหอมไหม้นิดเข้ากันกับความหวานของอากามิ ตัวซอสนั้นมีความอุมามิจากสาหร่าบเเละยังช่วยกลบรสขมของสาหร่ายไหม้ ประทับใจมากๆครับ




มาถึงชิราโกะ โดยเชฟจะเลือกใช้ชิราโกะของปลาน้ำลึกที่จับจากทะเลที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งเชฟบอกว่าจะมีความบริสุทธิ์มากกว่า ต้องขอบอกว่าคำนี้เด็ดขาดจริงๆ มันถูกเสริฟ์มาเเบบเเทบไม่ปรุงรสมีเพียงดาชินิดเดียวเเละน้ำซุดาจิบางๆ


คำนี้ชิราโกะยังมีเท็กเจอร์หยุ่นๆอยู่นิดหน่อยไม่นุ่มหาย เนื้อรสละมุนหวานหอมมะพร้าวนิดๆเเสนมีเอกลักษณ์ สุดยอดเเละเพอร์เฟ็กต์ก็ไม่เกินเลยสำหรับจานนี้ ผมเคยกินชิราโกะดีๆในร้านอาหารชั้นนำในญี่ปุ่นมาก็มากเเต่ไม่มีที่ไหนเหมือนกับที่นี้




คำต่อมาคือ อังคิโมะ นึ่งปรุงด้วยซอสรสหวานรสบางๆ จานนี้หวานละมุนเสริฟ์มาอุ่นๆครับ เท็กเจอร์นิดนึงไม่นิ่มเละ มีกลิ่นหอมขิงจางๆ ทำได้สมมาตรฐานร้าน




คัสซึโกะ จานนี้เชฟใช้ปลาของดีมาก เนื้อเเน่นมัน ของปลาตัวนี้ถูกให้เด่นชัดขึ้นด้วยข้าวที่เเทบไม่ปรุงรส เเล้วปิดท้ายด้วยวาซาบิที่หอมหวานเผ็ดที่ปลายลิ้น ดีทีเดียวครับ




ซายุริ เชฟยังใช้ของชั้นดีเช่นเคย เนื้อเเน่นกรอบมาก เเต่วาซาบิของที่นี้ค่อนข้างเผ็ดร้อนเกินไป จนกลบความอร่อยของซายูริไปบ้าง




คำต่อไปอย่าง Kinmedaiก็สุดยอดครับ เนื้อเเน่นมีกลิ่นควันหอมๆผสมกลมกลืนกับวาซาบิเผ็ดร้อน



อากามิของที่นี้ใช้ปลาจากโอมะครับ คำนี้เป็นหนึ่งในซูชิคำโปรดปรานของผม เเต่ต้องขอบอกว่าผมไม่เคยเจอAkami ที่ไหนมีรสหวานมากๆเช่นนี้มาก่อน เนื้อปลาที่เเน่นหวาน ตัดกับวาซาบิที่เผ็ดร้อน สุดยอดมากๆครับ




มาถึงโอโทโร่กันบ้าง เชฟจะหั่นเเบบเเปลกๆมีเอ็นตรงกลาง บางคนอาจจะชอบนะเเต่ส่วนตัวผมไม่ชอบ โดยรวมคำนี้เนื้อหวานมากๆเนื่องจากใช้ทูน่าจากโอมะเช่นเคยเเต่จะมีความมันที่พรั่งพรูออกมามากกวาคำที่เเล้วพอสมควร อร่อยครับ



ต่อไปคืออูนิกุนกัน คำนี้เชฟใช้ข้าวค่อนข้างเยอะ ตอนเเรกผมกังวลว่าจะกลบรสอูนิหรือไม่ เเต่มันชูความโดดเด่นของอูนิดีทีเดียว


เป็นอูนิกุนกันที่อร่อยมากๆครับ สาหร่ายที่หอมกรอบไปกันได้ดีกับอูนิ ตัวอูนิคุณภาพยอดก็อร่อยหวานมากๆครับ เป็นของชั้นเลิศที่ส่วนตัวชอบกว่าฮาดาเตะที่เป็นที่หนึ่งในใจผมมานานเสียอีก




อาจิ สำหรับปลาตัวนี้เชฟบอกว่าเวลาสำคัญมากๆจะเด็กไปก็ไม่ได้ จะโตไปก็ไม่อร่อย ตัวปลากรอบมากๆ เนื้อเเน่น หอมขิงจางๆ เเสดงถึงคุณภาพวัตถุดิบชั้นเลิศ


ถือว่าทำอยู่ในเกณฑ์ที่มีมาตราฐานระดับสูง เเต่ผมยังประทับใจอาจิของมิยาคาว่าซังที่รับประทานไปไม่กี่วันก่อนมากกว่าครับ




มาถึงหอยกันบ้างกับอากะไกหรือ Akagai ก่อนเสริฟ์เชฟจะทำการเอามีดบั่งตัวหอยโดยเอาผ้าขาวปั่นเป็นก้อนรองก่อนบั่ง เชฟบอกว่าที่ทำเเบบนี้จะทำให้เท็กเจอร์ดีกว่า


คำนี้กรอบเด้งกว่าอากะไกหลายๆที่ที่ผมเคยกิน หอมมะนาวซูดาจิจางๆ ไม่มีกลิ่นเลือด ทำได้ดีทีเดียวครับ




มาถึงจานที่เป็นซิกเนเจอร์จานนึงของเชฟอย่างปลาบุริ โดยเชฟจะหั่นด้วยเทคนิคพิเศษทำให้ปลานุ่มมากๆ


คำนี้ดีมากครับปลาบุรินุ่มมันเหมือนโอโทโร่ชั้นดี คำนี้นุ่มจริงๆครับ ดีจนไม่น่าเชื่อว่าซูชิปลาบุริจะอร่อยได้ถึงขนาดนี้ เรียกว่าทุกคนรอบเค้าเตอร์ในวันนั้นส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมากันหมด




มาถึงคำปิดอย่าง อานาโกะหรือปลาไหลทะเลที่เสริฟ์มาเเบบอุ่นๆ จานนี้เชฟไม่ราดซอสเเต่โรยเกลือเเทนซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผมเป็นอย่างมาก


เเต่เมื่อกินเเล้วเเสดงถึงเทคนิคอันเหลือร้ายและความเจ๋งของ Kudo Junya ได้ดี เเม้ตัวปลาจะไม่มีซอสเเต่กลับหวานเจี๊ยบในเนื้อ ตัดกับรสเค็มจากเกลือด้านบนได้อย่างลงตัว อร่อยมากๆครับ


ผมแอบสังเกตตั้งเเต่เริ่มต้นมื้ออาหารเเล้วว่าเชฟมีที่ใส่ซอสสองอันซึ่งเป็นโชยุทั้งคู่ อันนึงมีรสค่อนข้างจืด ส่วนอีกตัวมีรสติดหวาน เเล้วปลาไหลจะทำยังไงพอมาถึงตรงนี้คำถามในใจผมได้รับการเฉลยเเล้วครับ




คำเพิ่ม เป็นซูมิอิกะ ทางร้านใช้ของชั้นเลิศเเม้ชิ้นหนา เเต่ก็กรอบมากๆและเฟริม์มาก หอมซูดาจิเขียวนิดๆนิด เชฟเเทบจะไม่ปรุงรสคำนี้เลยครับปล่อยให้คุณภาพของวัตถุดิบมันเล่าเรื่อง




คำเพิ่มอีกคำเป็น เทคกะมากิ คำนี้เเปลกราดซอสด้านบน เนื้อปลาชั้นยอดก็ยังคงเปล่งประกาย เเต่ผมว่าการราดซอสด้านบนแอบทำให้สาหร่ายเหนียวไปนิด




ไข่หวาน ของที่นี้หอมไข่หอมวานิลา เนื้อค่อนข้างเเน่นออกครีมมี่ เเต่นุ่มลื่นคอดีครับ



🍾Service : 8.5/10

🍽Food: 9.25/10

🤩WOW factor: 9.5/10

💰Value for money: 8/10


Total: 9/10



🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/YxtUd6pWWjmSKnAp9

⏰เวลาเปิดปิด: 18.00-22.00

💵ค่าเสียหาย: ~40,000 Yen (Included 2 extra dishes and Some drinks)

⌨️เว็บไซต์ร้าน: NA


ช่องทางติดต่ออื่นๆ

Website: www.eatlikethebossth.com

InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )

FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)

Email : eatlikethebossth@gmail.com

ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss

Hozzászólások


bottom of page