Sushi Misaki ความเรียบง่ายที่มั่นคง (Bangkok, Thailand)
ผมรู้จักร้านนี้จากการเเนะนำของเฮดเชฟชาวญี่ปุ่นประจำโรงแรมห้าดาวเเห่งหนึ่งในกรุงเทพ จากคำถามง่ายในวงสนทนาว่าเชฟชอบโอมาคาเซะร้านไหนที่สุดในกรุงเทพ เชฟท่านนั้นก็ให้คำตอบสั้นๆว่า เคยลองซูชิมิซากิยัง
หลังจากวันนั้นผมก็ได้กินซูชิของมิซากิซังเเเล้วหลายครั้งหลายคราวในหลายๆโอกาส เเต่ผมกลับไม่เคยมีโอกาสเขียนถึงร้านนี้เลยสักที ในคราวนี้เป็นโอกาสดีมากๆครับเพราะผมได้มากับเพื่อนผู้ไม่เคยทานโอมาคาเซะมาก่อนในชีวิตกับเพื่อนอีกท่านทีมงานของเราผู้เคยเป็นเชฟซูชิเเละฟู้ดดี้สายเเข็ง
ซูชิมิซากิอาจจะไม่ได้มีชื่อดังโด่งดังหรือมีการโฆษณามากเท่ากับร้านอื่น ท่ามกลางร้านโอมาคาเซะที่เปิดขึ้นกันเป็นดอกเห็ดในกรุงเทพ เเต่เป็นที่รู้กันในหมู่ฟู้ดดี้ว่า มิซากิซังเป็นหนึ่งในเชฟซูชิที่มีฝีไม้ลายมือที่ฉกาจฉกรรจ์ที่สุดในประเทศไทยและถือเป็นร้านซูชิร้านเเรกๆในกรุงเทพที่มีการเสิรฟ์ซูชิแบบOmakase
Misaki sushi นั้นตั้งอยู่ในชั้นหนึ่งของโครงการ Rainhill บนถนนสุขุมวิท หน้าร้านนั้นอาจจะดูไม่สะดุดตา เเต่ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปเเล้วคุณจะพบกับความเงียบสงบกับร้านขนาดกระทัดรัดที่มีเค้าน์ทเตอร์บาร์ดูสะอาดสะอ้านจำนวนเพียง10ที่นั่ง หากเป็นไปได้ผมเเนะนำให้จองโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนครับจะได้ไม่ผิดหวังอดทานกัน
เชฟมิซากิของเรานั้นเกิดที่จังหวัดชิสุโอกะ ตัวเชฟนั้นฝึกฝนในการทำอาหารไคเซกิมาก่อนที่จะหลงไหลในศาสตร์การทำซูชิจนผันตัวมาเป็นเชฟซูชิในที่สุด และได้เปิดร้านซูชิเเห่งนี้ขึ้นมาเป็นเเห่งเเรกก่อนที่จะเปิดสาขาที่สองขึ้นที่ Bandara Suite บนถนนสีลม
หลังจากไปรับประทานมาเเล้ว มาลองฟังความเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะผู้ไม่เคยกินโอมาคาเซะกันบ้างครับว่ามื้อนี้เขารู้สึกอยากไร “มันเป็นโอมาคาเซะครั้งเเรก คือมันรู้สึกเเตกต่างกับซูชิเเละซาชิมิที่เคยกินนะ มีของเเปลกๆเยอะดี เเต่ตอนเเรกคิดว่าจะมีเซอรไพรส์อะไรมากกว่านี้ซะอีก” ส่วนตัวผมเเละทีมงานอีกท่านไม่ค่อยเเปลกใจกับความเห็นครับ ร้านซูชิไม่ดีกับดีนั้นเเยกกันอย่างง่ายดายด้วยคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ ซูชิของมิซากินั้นทำมาในตำรับเอโดะมาเอะดั้งเดิม ลูกเล่นแปลกๆที่จะสร้างอิมเเพคตั้งเเต่เเรกพบนั้นคงหายาก อีกประการนึงเพราะซูชิเป็นอาหารที่ละเอียดอ่อนการเเยกความเเตกต่างเพียงเล็กน้อยอย่างดีมากๆกับดีนั้นเเยกยากเเละขึ้นกับจริตสไตล์การปั้นซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนกิน ต้องใช้เวลาสักพักในการซึมซับ
ในส่วนของทีมงานอีกท่านของเรานั้นมีความเห็นว่า “ซูชิของมิซากินั้นอาจจะดูไม่หวือหวา แต่มีฝีมือการปั้นที่มั่นคงฉกาจฉกรรจ์เเสดงถึงการฝึกบรือเเละขัดเกลามาเป็นอย่างดี ในส่วนของรสชาตินั้นเป็นไปในทางเรียบง่าย กลางๆ อาจจะไม่ตื่นเต้นมากเเต่ก็เป็นร้านที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน ”
การบริการของซูชิมิซากิไม่มีการขาดตกบกพร่องบริกรต่างสอดส่องความต้องการของลูกค้าอย่างเงียบๆด้วยสายตาที่เฉียบคม รวมถึงช่วยทำหน้าที่เเปลชื่อปลาเเนะนำข้อมูลลูกค้าอีกด้วย ในบางอารมณ์ก็มีการรับส่งมุขกับเชฟเเละเเขกซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการรับประทานอาหารอีกด้วย
ราคาอาหารของซูชิมิซากิมีสองราคาในราคา ราว4000++และราว6000++ ขึ้นอยู่กับฤดูกาลเเละปลาที่ได้ในเเต่ละวันครับ โดยในวันนี้เราได้สั่งคอร์สตัวเเพงในนั้นจะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ
อาหารจานเเรกในวันนี้คือ อูนิและฟองเต้าหู้ในคอนซอมเม่เยลลี่ ท็อปด้านบนด้วยวาซาบิ และยอดอ่อนชิโสะ จานนี้นอกจากเป็นอาหารที่เเสดงรากเหง้าความเป็นเชฟไคเซกิของมิซากิซังได้เป็นอย่างดี แล้วยังอร่อยมากครับ ตัวอูนิรสหวานละมุนเนื้อเนียนตัดกับรสเค็มเด้งดึงของเยลลี่ วาซาบิเเละชิโสะช่วยเพิ่มรสเผ็ดฉุนอ่อนๆซึ่งช่วยขับรสหวานของอูนิออกมาได้ดีทีเดียว
จานต่อมาเป็นจานที่ผมทึ่งมากๆในการจับคู่องุ่นรสหวานมาทำเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่น่าสนใจจานนี้ โดยเชฟจะนำสาหร่ายmozokuดองน้ำส้มสายชูที่มีรสเปรี้ยวโปร่งสดชื่น มาตัดกับรสหวานขององุ่นได้อย่างลงตัว ต้องขอบคุณส่วนผสมอย่างมันมือเสือและขิงที่ใส่มาในจานนี้ที่ช่วยให้ส่วนผสมทั้งสองนั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี ในตอนเเรกผมค่อนข้างกังวลว่ารสหวานขององุ่นในอาหารจานแรกๆเช่นนี้จะเป็นรสที่เข้มข้นไปหรือไม่
จานต่อมาเป้นคัสสึโอะรมควัน รับประทานกับต้นหอมเเละขิง จานนี้ทางร้านไม่ได้ใส่เครื่องปรุงรสมากนักเพื่อให้ได้รับรสของเนื้อปลาเต็มๆ ซึ่งไม่คาวเลย
ข้าวโพดคาคิอาเกะ ของทางร้านทอดมาร้อนกรุ่น เเป้งไม่หนามากทำให้ได้ลิ้มรสของข้าวโพดเต็มๆ เกลือที่โรยมานิดหน่อยช่วยชูรสหวานหอมของข้าวโพดคุณภาพเยี่ยมได้อย่างดี เป็นจานที่ดูเรียบง่ายเเต่อร่อยมากครับ
ไข่ตุ๋นมอสซาเรลล่าเเละเห็ดทรัฟเฟิล จานนี้ตอนเเรกผมกังวลถึงความเข้ากัน เเต่ปรากฏว่าเมื่อทานกลับอร่อยมากครับ ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนอุ่นๆ ทรัฟเฟิลกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ ก่อนปิดท้ายด้วยมอซาเรลล่าชีสหนึบหนับเป็นจานที่ผู้ร่วมโต๊ะท่านนึงของเราถึงกับออกปากชมไม่หยุด
จานต่อมาคืออาวาบิหรือเป๋าฮื้อครับ เป๋าฮื้อของทางงร้านเสริฟ์มาพร้อมวาซาบิสดด้านบนเเละคลุกซอสจากตับเป๋าฮื้อมาบางๆ โดยรวมผมว่าจานนี้ของมิซากิมีการปรุงรสค่อนข้างอ่อนเพื่อให้ได้รับรสความหวานจากเนื้อเป๋าอื้อได้มากขึ้นไม่ถูกกลบไปซะทีเดียว โดยใช้วาซาบิที่มีรสฉุนเล็กน้อยมาช่วยขับรสขึ้น จานนี้เเสดงให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือในการปรุงอาหารอันยอดเยี่ยมมากๆของเชฟได้เป็นอย่างดี
ถัดมาเป็นปลาหิมะไซเคียวมิโซะครับ ทางร้านปรุงรสมาค่อนข้างอ่อนอีกเช่นกันเพื่อให้รับรสเนื้อปลาได้อย่างเต็มที่ มิโซะรสหวานกับไขมันอัดเต็มเปี่ยมของปลาหิมะถือเป็นการจับคู่ที่ผมชื่นชอบเป็นอย่างมากเป็นการส่วนตัวครับ
Tuna maki ของทางร้านจะไม่ใส่เครื่องปรุงเยอะเหมือนหลายๆร้าน เพื่อให้เราได้ลิ้นรสความอร่อยของวัตถุดิบอย่างเต็มที่ เนื้อปลารสหวาน ข้าวอุ่นๆรสเค็ม เเละสาหร่ายหอมกรุบกรอบ เป็นส่วนผสมที่ดูเรียบง่ายเเต่ชวนหลงไหลไปซะทุกที
ปลาเก๋าญี่ปุ่นกับซอสงา คำนี้เราจะไม่ค่อยเห็นเสริฟ์ในร้านอาหารอื่นมากนัก เเต่ผมกลับชื่นชอบมากๆครับ ต้องยกผลประโยชน์ให้ซอสงากลิ่นหอมหวานนิดๆที่นอกจากขับเสนห์ของเนื้อปลาสีขาวออกมาได้อย่างน่าสนใจ แแล้วยังเป็นส่วนช่วยให้ปลากับข้าวนั้นผสมผสานกันได้อย่างลงตัว อร่อยมากๆครับ
คินเมะไดเป็นคำต่อมาโดยเชฟจะนำไปอาบุริเล็กน้อยให้มีกลิ่นหอมจางๆ ก่อนจะขูดผิวซุดาจิหรือมะนาวญี่ปุ่นเล็กน้อยเพื่อชูรสของปลาชนิดนี้
คำนี้เป็นปลาหมึกที่เชฟนำไปหมักกับสาหร่ายเป็นคำที่ผมประทับใจมากๆครับ สไตล์การทำซูชิปลาหมึกเเบบนี้ผมไม่เคยเจอมันอาจจะไม่หวานเท่ากับซูชิปลาหมึกชั้นยอดเพียว เเต่มีความอร่อยในอีกแบบนึง กลมกล่อมกว่าเเละมีรสชาติที่หลากหลายมากกว่า อร่อยมากๆครับ
ปลา kawatsu โดยเชฟจะบากปลามาพอสมควรเเละอะบุริหนังให้มีกลิ่นหอมเล็กน้อย เนื้อปลาตัวนี้ค่อนข้างเด้งสู้ฟันหนึบหนับในปาก เเละมีไขมันที่เข้มข้น อร่อยเลยทีเดียวครับ ปลาตามฤดูการก็คงยอดเยี่ยมเสมอ
Akami ของที่นี้ถือว่าทำมาได้ดีทีเดียวครับโชว์เสนห์เเละรสเอกลักษณ์ส่วนตัวของอากามิออกมาได้เป็นอย่างดี
ชูโทโร่ เป็นหนึ่งในซูชิที่ผมโปรดปรานมากที่สุด ซึ่งมิซากิก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เนื้อปลามีความนุ่มมากๆไขมันที่เเทรกอยู่นิดนึงผสมผสานกับความน่าหลงไหลของเนื้อปลาสีเเดงได้อย่างสมดุล
โอโทโร่ของมิซากินั้นก็ทำออกมาได้ดีมีความนุ่มละมุนในปาก เเต่โดยส่วนตัวเมื่อกินเทียบกลับชูโทโร่เเล้วผมชอบชูโทโร่มากกว่า
Isaki หรือปลากระพงดำ เป็นคำต่อมาที่เชฟเสริฟ์ โดยเชฟจะใส่ขิงเเละต้นหอมสับไว้ด้านบน
คำนี้เป็นคำที่ผมตั้งตารอเลยครับกับ ชูโทโร่ที่เชฟนำไปบ่มกว่า2กว่าอาทิตย์ซึ่งเป็นช่วงที่เนื้อปลาจะมีรสอร่อยที่สุดตามการวิจัย หลังจากนั้นเชฟจะทำการอะบุรินึดนึงก่อนเสริฟ์ครับ โดยเมื่อเทียบกันเเล้วปลาที่บมจะมีรสเข้มข้นมากกว่าปลาสดๆ รสอุมามิที่ซับซ้อนของเนื้อปลาทูน่าบ่มนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะไม่หลงไหลไปกับมัน
คำถัดมาเป็น hokigaiหรือหอยปีกนก ที่เนื้อหวานมากๆ เเม้จะไม่ได้กรอบกรุบเด้งในปากแบบหลายๆที่เเต่หอยปีกนกของมิซากิมีเนื้อที่หวานมากความดีความชอบนั้นน่าจะอยู่ที่ข้าวซึ่งเข้ากับหอยปีกนกได้ดีมากๆ
ปลาอาจิเป็นคำถัดมา ร้านส่วนมากมันจะเสริฟ์อาจิกับขิงเเละต้นหอม เเต่ที่นี้จะใส่งา โดยปลาอาจิของที่นี้สดมากไม่มีความคาว รสของปลาอาจิคำนี้เเปลกดีครับ งาคั่วหอมๆนั้นช่วยชูรสมันหวานของเนื้อปลาอาจิได้ดีทีเดียว
ถัดไปเชฟเสริฟ์ กุ้งโบตั๋นลวกกับไข่ของมันโรยด้วยผิวส้มยุซุ เป็นหนึ่งในคำที่ผมประทับใจที่สุดในค่ำคืนนนี้ กุ้งโบตั๋นเนื้อหวานถูกชูรสด้วยข้าวซูชิอุ่นๆรสเค็ม ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจานนี้เห็นจะเป็นไข่กุ้งผสมกับมันกุ้งที่กรุบกรอบช่วยเพิ่มิติสัมผัสในปากเเละรสชาติให้กับคำนี้ได้เป็นอย่างดี เเม้สีของมันอาจจะดูหลอกลวงเเต่ไข่ของกุ้งนั้นเป็นสีตามธรรมชาตินะครับ
Uni ของที่นี้จะเสริฟ์มาโดยไม่มีสาหร่าย โดยเชฟจะนำมาวางใส่ให้บนมือเเละรับประทานครับ คำนี้มีรสหวานละมุนในปากอร่อยมากๆ
ปลาไหลทะเลเป็นคำสุดท้ายในวันนี้ครับ เนื้อปลาไหลของที่นี้เสริฟ์มาเเบบบอุ่นนิดๆ ความนุ่มของมันนั้นเเทบจะละลายในปาก ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ทำปลาไหลได้ดีมากๆครับ
Tamago ของที่นี้จะเน้นความหอมของไข่ มีน้ำตาลไหม้ข้ามบน ชวนให้นึงถึงขนมเครมบูเล่ มากกว่าไข่หวานครับ
ซุปมิโซะ
ปิดท้ายมื้อด้วยขนมหวานของเราในวันนี้อย่าง Mizu mochi ก็คล่องคอดีเหมือนกัน
🍾Service : 8.5/10
🍽Food: 8.25/10
🤩WOW factor: 7.75/10
💰Value for money:8.5/10
Total: 7.75/10
สนใจติดต่อเพื่อสนับสนุนเพจได้ทางอีเมลล์: eatlikethebossth@gmail.com
🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/aGUidt416kJVyBoF9
⏰เวลาเปิดปิด: 18.00-22.00
💵ค่าเสียหาย: ~7500บาท/คน
⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.sushimisaki.com
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comentarios