top of page

Sushi Saito Hongkong

บอสพาชิม Sushi Saito Hongkong (Hongkong,China🇨🇳) ⭐️⭐️,🍽





ด้วยรางวัลMichelin Star สามดาว อับดับที่26ในThe World 50 Best List 2018 , Tabelog gold award ในคะเเนนถึง 4.89 จึงอาจนับได้ว่า Sushi Saito ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกก็คงจะไม่ผิดนัก


ทำให้ไม่น่าเเปลกที่ Sushi saito จะเป็นร้านที่เป็นเฝ้าไฝ่ฝันของเหล่าฟู้ดดี้ทั่วโลก เเต่ด้วยความต้องการที่มากมายมหาศาล เเละจำนวนลูกค้าที่รับได้ในเเต่ละวัน รวมถึงระบบการรับลูกค้าของ Sushi Saito ที่จะรับจองเฉพาะลูกค้าประจำของร้านหรือบุคคลที่ได้รับการเเนะนำมาจากลูกค้าประจำเท่านั้น จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆที่กระเหรี่ยงเเบบพวกผมจะสามารถไปลองซูชิที่เรียกว่าสุดยอดที่สุดร้านนึงได้



เเต่ความฝันของผมก็เป็นจริงเมื่อ Sushi saito ได้เจริญรอยตาม Sushi Yoshitake เปิดสาขาขึ้นใน ฮ่องกง โดยสาขาฮ่องกงของโยชิทาเกะนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Sushi Shikon ซึ่งเจ๋งตรงที่ได้รับมิชลินสามดาวเช่นสาขาเเม่จากการคุมบังเหียนของเชฟมากประสบการณ์อย่างKakinuma San สาเหตุของการเปลี่ยนชื่อของซูชิโยชิทาเกะนั้นฟังเเล้วอาจจะดูตลก เพราะทางร้านต้องการหลีกเลี่ยงความสับสนกับสาขาเเม่เนื่องจากมีคนเคยไปผิดมาเเล้ว คุณพระ!!! ผมก็ไม่รู้ว่าในอนาคตไซโต้นั้นจะต้องเปลี่ยนชื่อเช่นกันหรือไม่






เเม้จะเปิดในสาขาในฮ่องกง เเต่เชฟ Takeshi Saito ก็ตั้งใจจะไม่ลดมาตราฐานของSushi saitoลงโดยตั้งใจว่าจะทำให้ไซโต้ฮ่องกงมีคุณภาพเฉกเช่นเดียวกับไซโต้ญี่ปุ่นทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบส่งตรงจากญี่ปุ่นทุกเช้าโดยเชฟไซโต้จะเป็นคนไปเลือกด้วยตนเอง รวมถึงเมนูที่เสริฟ์ในเเต่ละวันนั้นไซโต้ฮ่องกงกับญี่ปุ่นจะเสริฟ์เหมือนกัน เรียกได้ว่าเราจะได้รับประสบการณ์เหมือนไปกินต่อหน้าเชฟไซโต้เลยทีเดียว

ซูชิไซโต้ฮ่องกงนั้นก็จองยากมากไม่เเพ้สาขาหลักที่โตเกียว ดังจะเห็นได้จากเหล่าบล็อคเกอร์ต่างประเทศที่ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันถึงความยากในการได้ที่นั่งในร้านลือชื่อเเห่งนี้ โดยไซโต้ฮ่องกงนั้นจะรับจองต่อเมื่อคุณได้รับการเเนะนำจากลูกค้าประจำของไซโต้ญี่ปุ่น โรงเเรมโฟร์ซีซั่นฮ่องกง หรือร้านอาหารในเครือเดียวกันอีกสองสามเเห่ง ไม่เช่นนั้นเเล้วคุณต้องเสี่ยงดวงโทรไปตามเบอร์โทรศัพท์เฉพาะที่จะเปิดในช่วงเวลาสั้นๆในวันเเรกของเดือน ที่หากโชคดีคงอาจจะพอมีที่นั่งเหลือให้คุณบ้าง เเต่โดยปกติเเล้วคุณจะได้รับการปฎิเสธอย่างสุภาพจากผู้จัดการร้านหนุ่ม



ถึงร้านจะพึ่งเปิดมาเพียงไม่กี่เดือนเเต่ไซโต้ฮ่องกงก็ได้รับการยอมรับถึงมาตราฐานที่ไม่เเพ้สาขาเเม่ ตามคำบอกเล่าของผู้จัดการร้าน ทางร้านมีลูกค้าขาประจำไม่เพียงเเต่ในฮ่องกง เเต่รวมถึงคนจีนแผ่นดินใหญ่เเละที่น่าสนใจคือมีลูกค้าคนไทยท่านนึงมักจะเเวะเวียนมากินซูชิไซโต้ในทุกๆเดือน ผมหวังว่าสถานะการณ์ในอนาคตคงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น



ในช่วงเย็นวันเสาร์ อากาศของฮ่องกงในช่วงต้นปีนั้นเย็นสบายมาก ผมได้กระเตงรถไฟใต้ดินจากย่านจิมซาจุ่ยที่พักไปยังโรงเเรมโฟว์ซีซั่นฮ่องกง สถานที่ตั้งของซูชิไซโต้ฮ่องกง ซูชิไซโต้นั้นจะเเชร์พื้นที่กับบริเวณ exclusive louge ของทางโรงเเรมบนชั้น 45 ที่โรงเเรมโฟร์ซีซั่นนั่นนับเป็นโรงเเรมที่มีดาวมิชลินมากที่สุดในโลก นอกเหนือจากร้าน Sushi Saito เเล้ว Fourseason ยังเป็นบ้านของร้านสามดาวระดับตำนานอย่าง Lung King Heen เเละร้านสามดาวอีกร้านอย่าง Caprice อีกด้วย




ขอนอกเรื่องนิดนึง ผมชอบการไปฮ่องกงในเดือนนี้มากกว่าเดือนเจ็ดพอสมควร เพราะนอกจากจะมีของเซลล์ให้ช็อปปิ้งพอประมาณเเล้วอากาศยังดีมาก


ในวันนี้ผมไปถึงในเวลาราว20.10 โดยผมต้องนั่งรอในบริเวณเล้าจน์ของโรงเเรมโฟร์ซี่ซั่นก่อนเนื่องด้วยคณะที่ทานรอบก่อนหน้านั้นยังทานไม่เสร็จดี สำหรับSushi Saito Hongkong นั้นจะให้บริการสองรอบในมื้อเย็นคือ 18.00 และ20.15 ภายหลังจาการจัดเก็บโต๊ะที่รวดเร็ว ผู้จัดการร้านหนุ่มก็จะนำเราเข้าสู่ร้านในที่สุด โดยซูชิไซโต้แบ่งเป็นสองห้องปั้น โดยเเต่ละห้องมีเเปดที่นั่ง


การบริการของซูชิไซโต้นั้นผมขอนิยามว่า เรียบง่ายเเต่มีประสิทธิภาพ มีความสุภาพเเต่ดูสนิทสนมเป็นกันเองกับเเขก ที่น่าทึ่งที่สุดคือการเติมเครื่องดื่มที่ไม่ต้องร้องขอเเต่เรากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเติมเครื่องดื่มเมื่อไหร่



ส่วนในเรื่องอาหารนั้นซูชิของไซโต้ให้ความสำคัญเเละเคารพกับความอร่อยตามธรรมชาติของวัตถุดิบ การปรุงของไซโต้นั้นเน้นที่การขับรสของวัตถุดิบอย่างชัดเจน การปรุงเเต่งรสนั้นจะทำให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยสไตล์ของ ShikonเเละYoshitake ที่ยังออกเข้มข้นกว่า ข้าวซูชิของซูชิไซโต้นั้นมีเอกลักษณ์ที่หาตัวจับยาก รสของมันออกเเนวละมุนเค็มๆเปรี้ยวๆ ซึ่งต่างกับสไตล์ของSugita(Ichizu) หรือShikon(Yoshitake) ที่รสเปรี้ยวนำค่อนข้างชัดเจน


รสชาติของอาหารเเละความใส่ใจปราณีตของเชฟนี้เเสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านคำซูชิ เเละถือเป็นหนึ่งในมื้อที่พิเศษมากๆสำหรับผม การปั้นของเชฟในวัยหนุ่มเเสดงถึงฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์เเละเทคนิคที่สั่งสมมาเป็นอย่างดี


เเม้ราคาอาจจะดูเเพงไปบ้าง วัตถุดิบอาจะดูไม่คุ้มค่าไปบ้าง เเต่สุดท้ายสิ่งที่ตัดสินความสุดยอดของร้านอาหาร คือเทคนิคของเชฟ ที่ร่ายเวทย์มนต์ดึงความอร่อยของวัตถุดิบออกมาให้ดีที่สุด โดยเชฟเเละทีมงานของซูชิไซโต้ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ






จานเเรกเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ผมพอสมควร เพราะเป็นIkura ไข่ปลาเเซลม่อนที่ปกติรสจัดจ้านยิ่งนัก จนไม่น่าจะนำมาใช้เป็นAppitizer จานเเรก เเต่พอกินผมก็เข้าใจถึงความสุดยอดของIkuraของไซโต้ที่ปรุงรสมาค่อนข้างน้อย มีความกรุบกรอบเด้งกรอบกว่าไข่ปลาเเซลม่อนปกติที่ผมเคยกินอย่างเห็นได้ชัด ผิวส้มที่ขูดโรยมาด้านบนช่ายเพิ่มความหอมให้กับอาหารจานนี้เเละช่วยเปิดประสาทรับรสได้เป็นอย่างดี เป็นIkura ที่อร่อยมากๆครับ



เปิดด้วยของเหลวสีทองตามธรรมเนียม



จานต่อมาเป็น ปลาหมึกยักษ์ต้มซอสทานกับวาซาบิ เเละหอยเป้าฮื้อกับซอสตับ ปลาหมึกยักษ์ นั้นมีการปรุงรสมาพอดีเพื่อขับรสหวานของตัวปลาหมึกเองมีความกรอบเเต่ไม่เหนียวจนเกินไปเเต่ผมยังประทับใจรสชาติที่เข้มข้นลึกล้ำกว่าเเละความนุ่มอย่างอัศจรรย์ใจของร้าน Shikon มากกว่า


ส่วนตัวเป๋าฮื้อของที่นี้มีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดพอสมควร ตัวเป๋าฮื้อนึ่งนั้นถือว่ายอดเยี่ยม นุ่มกรอบและไม่เหนียว เเต่ที่น่าสนใจคือซอสตับเป๋าฮื้อที่เรียกว่าสุดยอดตรงที่มีการปรุงรสน้อยกว่าซอสตับเป๋าฮื้อที่ผมคุ้นเคย เเต่กลับไม่คาว หลายๆที่เลือกจะผสมสาเกหรือมิริน เพื่อดับความคาวของตับเป๋าฮื้อ เเต่ไซโต้กลับทำตรงกันข้ามเเสดงถึงความสุดยอดที่ไม่มีใครเลียนเเบบได้




จานนี้คือ Shirako ที่มีความครีมมี่มากๆ โดยซอสพอนซึของที่นี้ค่อนข้างรสบางกว่าที่อื่น อีกทั้งหัวไชเท้าด้านบนก็ไม่ผสมพริกเเบบที่คุ้นเคย ซึ่งทำให้เรารับรู้ถึงความสุดยอดของวัตถุดิบที่ปรุงยากอยาก Shirako ที่ไม่คาวเลยเเม้เเต่น้อยซึ่งหาได้ยากมากเเม้เเต่ในร้านระดับสุดยอด ถือเป็นหนึ่งในสุดยอด Shirakoที่ผมเคยทาน ประทับใจมากครับ




ปูขนหรือ Kegani ของ ไซโต้ เป็นอีกจานที่ผมประทับใจ โดยปูขนของไซโตนั้นมีส่วนผสมของมันปูเเละเนื้อปูที่ยอดเยี่ยม จนทำให้มันปูนั้นขับรสหวานอันสุดยอดของเนื้อปูขนออกมากได้ดีเยี่ยม ซึ่งหลายๆร้านส่วนใหญ่นั้นร้านจะเน้นความอร่อยจากมันปูจนมากเกินไปจนกลบความหวานในเนื้อปูไปอย่างน่าเสียดาย




อังคิโมะหรือตับปลา Monk ที่ผมชอบเรียกว่าโฟรกราเเห่งท้องทะเล นั้นเป็นอีกจานที่สุดยอดมากๆ โดยผมค่อนข้างชอบเวอร์ชั่นของไซโต้มากๆ ตับปลาจะค่อนข้างเฟริม์ไม่เละ ทำให้ได้เท็กเจอร์เวลาเคี้ยว เข้ากันกับซอสหวานเล็กน้อยเเละผิวส้มตัดเลี่ยนซึ่งช่วยชูความอร่อยของตับปลาได้ดีได้อย่างดี





เเก้มปลามากุโร่ต้มเป็นจานที่ผมทึ่งที่สุดในมื้อนี้ เป็นเเก้มปลาต้มที่อร่อยที่สุดที่เคยกินก็ไม่ผิดนัก ตัวเนื้อยุ่ยจนไม่ต้องเคี้ยว ซอสเค็มรสลุ่มลึกเเทรกเข้าไปอยู่ในเนื้อปลาอย่างเต็มเปี่ยมเข้ากับแก้มปลาทูน่าที่อุดมไปด้วยไขมันมากๆครับ อร่อยมากๆครับ



ต่อด้วยน้ำข้าวยี่ห้อ Kokuryu



จานต่อมาเป็นชิราอุโอะ จากเมืองชิมาเนะ เนื้อกรอบหวาน ตัวโต il-




เปิดคำเเรกมาเป็นคินเมะได คินเมะไดของร้านนั้นมีการทำให้ผิวสุกด้วยน้ำร้อนต่างจากการใช้ถ่านตามสมัยนิยม เนื้อสดความกรอบหวานอร่อยมากครับ



คำต่อมาคือ shiro ebi หรือลูกกุ้ง เมนูหากินยากซึ่งตัวเนื้อมีรสหวานกว่ากุ้ง คุรุมะหรือโบตันอย่างเห็นได้ชัด เนื้อนุ่มละลายในปาก เเต่เเลกมาด้วยความกรอบเด้งนั้นน้อยกว่ากุ้งที่เราคุ้นชิน



คำนี้คือโคฮาดะโดยปกติผมมันไม่ค่อยชอบโคฮาะเป็นการส่วนตัวเเต่ที่ไซโต้ทำได้ดีมากๆครับข้าวซูชิที่มีรสเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านเข้ากันได้อย่างกลมกล่อมกับโคฮาด





คำนี้คืออากามิถือว่าทำมาได้ดีครับคำนี้นุ่มมากๆจนชวนสงสัยว่าเป็นอากามิจริงหรือเมื่อเคี้ยว




คำต่อมาคือชูโทโร่จากอาโอโมริที่ก็อร่อยมาก




คำสุดท้ายคือโอโทโร่ โอโทโร่ของที่นี้เนื้อนุ่มอย่างอัศจรรย์ใจลงตัวกันอย่างสุดๆกับข้าวซูชิของทางร้าน เป็นคำที่พิเศษมากๆเลยครับ



ซูมิอิกะถือเป็นคำที่วัดฝีมือเชฟได้ดีคำนึง ซูชิไซโต้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เนื้อปลาหมึกอาจะไม่กรอบเด้งเวลาเคี้ยวอย่างสไตล์ที่ผมชอบ ตัวเนื้อปลาหมึกมีความหวาน นุ่มนวลเเละเข้ากับตัวข้าวอย่างกลมกล่อม นอกจากนี้ ส่วนผสมของเกลือเเละผิวมะนาวขูดก็ยังทำให้คำนี้ออกมาสวยงามมากๆครับ



ปลาซัมมะห่อด้วยสาหร่ายโรบงานิดคำนี้คืออร่อยมากๆจนอยากกรีดร้อง เป็นซาบะที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกินครั้งหนึ่ง เนื้อซาบะกับสาหร่ายเข้ากันได้อย่างน่าสนใจมากๆครับ



คุรุมะเอบิของไวโต้มีเอกลักษณ์จริงๆเป็นอีกคำที่ผมชอบมาก โดยมันกุ้งของที่นี้จะปรุงรสไม่มากให้มีรสขมเเต่ไม่คาว ซึ่งช่วยขับความหวานของตัวกุ้งให้เด่นชัดเเบบไม่เหมือนใครจริงๆ








คำต่อมาเป็นบาฟุอูนิเเละอากะอูนิซึ่งล้วนเเต่เป็นของชั้นยอด ผิวเต่งตึงไม่เละ สดมากๆหวานเจี๊ยบเลยครับ




ปลาไหลทะเลป็นคำที่ผมชอบมากๆอีกคำนึงตัวอนาโงะนิ่มจนน่าถึงตัวซอสนั้นทามาเเต่น้อยเเละรสค่อนข้างอ่อนซึ่งช่วยขับรสปลาได้อย่างน่าทึ่ง เป็นคำที่ยอดเยี่ยมมากๆจนเพื่อนร่วมโต๊ะข้างๆผมถึงกับสั่งอีกคำ



มากิของไซโต้ประกอบด้วยทูน่านานาชนิดสับเเบบพอดีคำปรุงให้เค็มด้วยโชยุ ใส่ผักดองเพิ่มความหวานนิดนึง ผสมข้าวนิดหน่อย โรยงาพอหอม สาหร่ายที่กรุบกรอบ เป็นมากิที่อร่อยมากๆครับโดยปกติมากิที่มาท้ายๆมักจะเป็นผักดองซึ่งผมไม่ค่อยชอบนักเพราะรู้สึกว่าเป็นการปิดมื้อที่ดูดรอปลงไปบ้าง เเต่มากิของไซโต้นั้นเสมือน encore ที่ประทับใจผู้ชมทุกคนจริงๆ



ข่หวานของไซโต้ค่อนข้างหวานกว่าไข่หวานที่ผมคุ้นเคยพอสมควรตัวเนื้อเนียนเเต่เเน่น หอมไข่เด่นชัด เรียกได้ว่าเราจะได้รับรสความอร่อยของไข่อย่างเต็มที่



ชุปมิโซะเป็นลำดับสุดท้าย โดยซุปของทางร้านจะเป็นดาชิกับมิโสะโรยหอมซอยเเค่นั้น



ปิดท้ายมื้อด้วย เมล่อน



🍾Service : 8.5/10

🍽Food: 9/10 🤩WOW factor: 8.75/10

💰Value for money: 8.25/10


Total:8.75/10



หากชอบบทความของผมยังไงรบกวนช่วยกดไลค์เพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนด้วยนะครับ


🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/upxzUyqzv232

⏰เวลาเปิดปิด: 6.00PM =23.30PM

💵ค่าเสียหาย: ~3300HKD not included beverage

⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.fourseasons.com/hongkong/dining/restaurants/sushi-saito/

Comentários


Os comentários foram desativados.
bottom of page