ซูชิโยชิ ร้านซูชิชื่อดังขวัญใจใครหลายๆคน เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์สองดวงจากโอซาก้า มาเปิดสาขานอกประเทศเเห่งเเรกในไทย มีหรือที่เพจเราจะพลาดต้องไปลองกันหน่อย
ร้านซูชิโยชิสาขาประเทศไทยนั้นตั้งอยู่บริเวณชั้นล็อบบี้ของโรงเเรม W hotel ในย่านถนนสาทรทำให้การเดินทางนั้นสะดวกสบายอย่างยิ่งด้วยระยะเดินที่ไม่ห่างจากบีทีเอสช่องนนทรีมากนัก หรือเราจะขับรถมาก็ได้ครับ
ทันทีที่ทราบข่าวการเปิดตัวของSushi Yoshi ทางทีมงานได้ทำการจองโต๊ะในทันทีก่อนไปทางเพราะทางร้านจะได้รับรางวัลMichelin star ถึงสองดวงตามการจัดอันดับของมิชลินไกด์โอซาก้า(2019) เเต่อย่างไรก็ตามคะเเนนในTabelog นั้นกลับได้เพียง3.26 (7-2019) ซึ่งเป็นคะเเนนที่น้อยจนเเทบไม่สามารถหาได้ในบรรดาร้านมิชลินสตาร์ จึงทำให้ทีมงานไม่มีความคาดหวังมากนักกับร้านซูชิโยชิ เเต่ทางเรากลับตั้งคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มิชลินไกด์นั้นนั้นชื่นชอบในร้านอาหารแห่งนี้จนถึงกับมอบรางวัลสองดาว เเละทำไมร้านนี้จึงได้คะเเนนจากคนทั่วไปในTabelogน้อยถึงขนาดนี้
Sushi Yoshi สาขาเเม่ นั้นขึ้นชื่อในเรื่องความสร้างสรรค์ในการเสริฟ์ซูชิ ความน่าตื่นตาตื่นใจในการนำเสนอซูชิที่เเปลกไป รวมถึงความสนุกสนานเเละวิธีการนำเสนอซูชิของเชฟฮิโรอากิ นี้คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางร้านได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ เเต่สำหรับสาขากรุงเทพการนำเสนอเเละจุดเด่นตรงนั้นกลับดูจืดจางหายไปจนเหมือนร้านโอมาคาเซะปกติทั่วไป คงจะเป็นเพราะในวันนั้นทางร้าน fully book จึงทำให้การเสริฟ์อาหารของเชฟต้องเร่งรีบจนไม่อาจสนทนากับบรรดาลูกค้าได้เต็มที่
เเต่โดยรวมนั้น อาหารของSushi Yoshi มีการคัดสรรค์วัตถุดิบคุณภาพสูง คุ้มค่าสมราคา ซึ่งถูกนำมาเสนอผ่านจำนวนคอร์สที่ยาวเหยียด เเต่โดยผมไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้นเเละสนุกสนานในอาหารเเต่ละจานอย่างที่มิชลินไกด์ได้กล่าวถึง ถึงกระนั้นผมก็ยังเห็นถึงความคิดสร้างสรรค์เเละการพยายามในการรังสรรค์ซูชิด้วยวิธีการใหม่ๆ สาเหตุอาจจะมาจากความรู้สึกส่วนตัวถึงความจำเจ คุณจะพบปลาทราย อาจิ มากุโร่ เเละอูนิ ตลอดทั้งมื้อ การจับคู่ที่ซ้ำๆเดิม เทคนิคที่ซ้ำๆสลับไปมา จนทำให้ความตื่นตาตื่นใจในมื้ออาหารค่อยๆลดน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น การรมควัน หรือ การใช้ทรัฟเฟิลที่เราจะพบได้ตลอดมื้ออาหารนี้ มากุโระที่มีการเตรียมหลากหลายคำในหลากหลายวิธีการ เเต่น่าเสียดายเชฟไม่ได้นำเสนอในส่วนนั้น หรือจะเป็นอูนิที่เชฟเลือกใช้ถึงสองสายพันธ์ุจากสองเเหล่งผลิตเเต่กลับเลือกที่จะไม่นำเสนอให้ลูกค้าได้รับรู้ ถ้าหากมีตรงนี้เพิ่มเติม ประสบการณ์และอรรถรสในมื้อนี้อาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้
การบริการของทางร้านไม่มีขาดตกบกพร่องจนมีอะไรที่รับไม่ได้อะไร เว้นเเต่ผ้าเช็ดมือที่มีกลิ่นเหม็นสาป สืบเนื่องจากการเสริฟ์ซูชิของที่นี้จะเป็นการเสริฟ์ลงบนมือของลูกค้าโดยตรงจึงทำให้เลอะมือในทุกคำที่กิน ทำให้เราต้องใช้ผ้าเช็ดมือไม่สามารถใช้กระดาษเพื่อเช็ดเพียงนิ้วได้ตามปกติ นับเป็นจุดเล็กๆที่กวนใจผมไม่น้อยเลยตลอดมื้ออาหาร จนทำให้กวนอรรถรสการกินอาหารที่มีรสละเอียดอ่อนอย่างซูชิไปบ้าง
อีกอย่างนึงคืออาหารของซูชิโยชิในหลายๆจาน คำนึงมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เเละต้องการการรับประทานในคำเดียวเพื่ออรรถรสที่ครบถ้วน ทำให้การรับประทานค่อนข้างลำบากจนทีมงานสุภาพสตรีของเราถึงกับบ่นออกมาหลายรอบเลยทีเดียว
เมนูซูชิของของSushi Yoshi มีเพียงคอร์สเดียวในราคา6000บาท++ จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลยครับ
คำเเรกเป็นปลาอายุย่างท็อปด้วยคาเวียร์หรูหราอลังการ คำนี้มีรสเค็มที่ละมุนเเละกลิ่นควันจางๆอร่อยทีเดียวครับ เเต่ผมเสียดายที่ในคาเวียร์ที่ใช้นั้นกลับไม่มีเท็กเจอร์ความกรุบกรอบที่จะช่วยเพิ่มความสนุกในจานนี้
จานต่อมาคือปลาทราย(Kisu) ท็อปด้วยชีสพาเมซานเเละต้นหอม คำนี้ผมค่อนข้างชื่นชอบเลยครับเพราะมีรสที่น่าสนใจ ความหนุบหนับเด้งกรอบของเนื้อปลาผสมผสานกับรสชาติที่เข้มข้นของชีส ก่อนจะตัดด้วยรสฉุนนิดๆของต้นหอมได้อย่างลงตัว เเต่ส่วนตัวผมแอบได้กลิ่นคาวจากเนื้อปลาจานนี้
คำต่อมาเรายังอยู่กับปลาทราย โดนคำนี้เชฟได้ใส่ซูดาชิ(มะนาวญี่ปุ่น)ลงมาด้วยประกอบกับข้าวที่ค่อนข้างจะมีรสเปรี้ยวนำของทางร้านทำให้รสเปรี้ยวกลบรสชาติหวานของปลาไปอย่างน่าเสียดาย
คำต่อมาเป็น หอยเม่นสีเเดงจากคิวชู (Aka uni) ทางรา้นใช้ของชั้นยอด มีรสนุ่มละมุนและหวาน อร่อยมากเลยครับ
ต่อมาเชฟเสริฟ์เป็นโทโร่ สารภาพตามตรงว่าผมค่อนข้างไม่ชอบโทโร่ของที่นี้ เพราะโทโร่ของที่นี้จะมีเอ็นอยู่นิดๆไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของทางร้านหรือไม่ เพราะเอาจริงมันก็กรุบๆเคี้ยวสนุกไม่หยอกเลยนะ
คำนี้เป็นหนึ่งในคำที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้กับ มากุโร่ซึเกะ ที่ด้านบนโรย horseradish คำนี้ยอดเยี่ยมมากครับตัวเนื้อปลาหวานปนรสเค็มนิดๆมีกลิ่นหอมควันหน่อยๆ เข้ากับข้าวซูชิรสเปรี้ยวได้อย่างลงตัว ตัวเด่นเลยในคำนี้คือhorseradish ที่ฉุนหวานนิดๆเเต่กลับไม่กลบรสของปลา ทำให้คำนี้กลมกล่อมครบรสอร่อยมากๆครับ
คำถัดไปเรากินโอโทโร่อาบุริ ใส่หัวไชเท้าฝน โชยุ ก่อนนำมาห่อด้วยสาหร่าย ตัวปลาหอมกลิ่นควันซึ่งเข้ากับสาหร่ายกรุบกรอบได้อย่างยอดเยี่ยม คำนี้เเม้จะเป็นโอโทโร่เเต่เรากลับไม่รู้สึกเลี่ยนมากนัก ส่วหนึ่งเป็นเพราะหัวไชเท้าฝนที่ใส่มาช่วยให้คำนี้ไม่หนักไปนัก ทำมาได้ดีเลยทีเดียวครับเเต่คนที่ชื่นชอบรสที่หนักเเน่นจากโทโร่อาจจะผิดหวังกันไปบ้าง
คำต่อมา เป็นปลาอาจิ Aji อาจิที่นี้ใช้ของคุณภาพดีไม่คาวเลยสักนิดตัวข้าวรสเปรี้ยวมีส่วนช่วยในการดับคาวได้ดี เนื้อมันเด้งกรอบในปากนับเป็นคำที่เเสดงความอร่อยของอาจิได้อย่างครบถ้วน
ถัดไปคือกินเมะไดที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยเมื่อเข้าปากเราจะรับรู้รสของเนื้อปลารสหวานมันเด้งสู้ฟัน ก่อนปิดท้ายด้วยข้าวเปรี้ยวอมหวานนิด ใช่ได้เลยครับ
จานถัดมาเป็น กุ้งโบตั๋นคาปาสโช่ รับประทานกับไอติมรสกุ้งโบตั๋น ทรัฟเฟิลออยเเละทรัฟเฟิล โดยส่วนตัวไม่ชอบจานนี้ครับ ผมไม่ชอบเท็กเจอร์ของกุ้งที่เหยะๆ และส่วนตัวคิดว่าไอซ์ครีมนั้นรสชาติหวานเข้มข้นเกินไปมากจนติดลิ้น ซึ่งกลบรสชาติอาหารในจานถัดไป
จานต่อมาเชฟกลับมาใช้ปลาอาจิ โดยเชฟจะนำไปย่างเเละเอามาห่อด้วยใบชิโสะรับประทานกับเลม่อนเจลลี่ในคำเดียว คำนี้อร่อยมากเลยที่เดียวครับเป็นคำที่ครบรสกลมกล่อมดีมาก โดยเมื่อเข้าปากเราจะได้รับความสดชื่นฉุนนิดๆจากใบชิโสะตามด้วยความมันเเละเค็มนิดๆของปลาอาจิ ก่อนปิดท้ายด้วยรสเปรียวหวาน หอมสดชื่นจากเยลลี่ ยอดเยี่ยมมากครับ
คำนี้คือ Kobashira เชฟอธิบายว่าคล้ายๆหอยเชลล์มาจากฮ็อกไกโด ผมเลยต้องมาศึกษาต่อ ผมนั้นสงสัยในวัตถุดิบตัวนี้เพราะไม่เคยกินที่ไหนเลยจึงกลับมาศึกษาต่อ จึงได้ความว่ามันคือเอ็นหอยของหอยสกุลหอยตลับ(Mactra clam) ตัวรสสัมผัสของมันค่อนข้างน่าสนใจเเละมีเอกลักษณ์ กรอบนอกหนึบข้างในเเต่ไม่เหนียวมาก รสหวานอ่อนเข้ากับซูดาจิเเละโชยุที่เชฟใส่มาได้อย่างลงตัวเป็นคำที่อร่อยมากครับ
คำนี้เชฟเลือกใช้อูนิสายพันธฺ์มูราซากิ ไม่มีอะไรจะผิดพลาดไปได้กับอูนิชั้นหนึ่งที่ทางร้านเลือกใช้ อร่อยมากๆครับ
คำนี้ผมจำไม่ได้ว่าเชฟเลือกใช้ปลาอะไร เเต่น่าจะเป็น kinmedai คำนี้เชฟใช้การเตรียมการนานพอสมควร ที่เเตกต่างไปจากซูชิปกติ เห็นจะเป็นการเปลี่ยนข้าวเป็นเป็นเห็ดหอม เเละท็อปด้วย ผิวยุสุ โชยุ คำนี้แปลกดีครับเเต่ผมไม่ชอบโดยส่วนตัวที่กลิ่นหอมของส้มตีกับเห็ดหอม เเละค่อนข้างจะไม่เข้ากับเนื้อปลา
คำต่อมาเชฟนำปลาโนโดะกุโร่หรือปลาคอดำไปย่าง บีบซูดาจิลงไปนิดหน่อย อร่อยมากๆเลยครับ ไขมันในเนื้อปลาอุ่นๆถูกขับให้ชัดเจนด้วยน้ำมะนาว ปิดท้ายด้วยรสของสาหร่ายบางกรอบหอมกรุ่น ดีมากๆครับ
คำนี้ถือเป็นซิกเนเจอร์จานนึงของทางร้าน โบนิโตะหรือคัสสึโอะ สเต็ก โดยเชฟจะนำปลาไปรมควันก่อนที่จะนำมาเสริฟ์กับทรัฟเฟิลออย ทรัฟเฟิล และวาซาบิมูส จานนี้ผมชอบที่เนื้อปลามีความนุ่มมากเเละไม่คาวเลย ตัววาซาบิมูสมีรสคล้ายทาร์ทาร์ซอสที่มีกลิ่นฉุนของวาซาบินิดๆเข้ากับเนื้อปลาได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวที่ไม่ชอบนิดนึงเห็นจะเป็นกลิ่นรมควันที่กลบกลิ่นทรัฟเฟิลไป
ซุปมิโสะติดหวานกลมกล่อม ค่อนข้างชอบเป็นการส่วนตัวครับ เพราะปกติร้านซูชิโอมาคาเซะมักจะใช้อากะมิโซะที่มีรสเค็มติดเปรี้ยวนิดนึงซึ่งก็อร่อย เเต่ผมว่าซุปมิโสะสไตล์นี้เข้ากับอาหารของทางร้านมากกว่า นอกจากนั้นซุปของที่นี้ยังใส่ปลาด้านล่างและมีผิวส้มชวนให้สดชื่น ตัดกับรสฉุนนิดๆจากต้นหอมญี่ปุ่น ทำออกมาได้ดีมากครับ
คำสุดท้ายเป็นมากิซึ่งมีส่วนประกอบจากสารพัดทูน่า คำนี้คนรักทูน่าเเบบผมคงฟินสุดๆ เเต่สำหรับลูกค้าบางท่านโดยเฉพาะสุภาพสตรีคงจะบ่นกันเพราะคำใหญ่มากๆ
ปิดท้ายมื้อกันด้วยไอซครีมถั่วเเดงเนื้อเนียน หอมนมเเละถั่วเเดง ถัวเเดงเนียนนุ่มเข้ากับไอซครีมได้เป็นเนื้อเดียว รสหวานมันของไอซครีมตัดด้วยตัดด้วยรสขมของผงมัชฉะ เป็นการปิดมื้ออย่างยอดเยี่ยมชอบมากๆ
🍾Service : 7.25/10
🍽Food: 7/10
🤩WOW factor: 7.25/10
💰Value for money: 7/10
Total: 7/10
สนใจติดต่อเพื่อสนับสนุนเพจได้ทางอีเมลล์: eatlikethebossth@gmail.com
🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/reDK66cmz7cF33Mc8
⏰เวลาเปิดปิด: 17.00-23.00
💵ค่าเสียหาย: ~8000 baht
⌨️เว็บไซต์ร้าน:https://www.facebook.com/pg/Sushiyoshi.Bangkok
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Email : eatlikethebossth@gmail.com
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss
Comentários