top of page

Table 38 อาหารไทยเเห่งอนาคต

Updated: Feb 7, 2020

สวัสดีครับ รีวิวนี้เรียกว่ารีวิวเด็กเส้นก็ได้ ขอลัดมาเขียนก่อนสารพัดร้านที่ยังหมักดองไว้อยู่ เนื่องจากทีมงานของเราที่ไปในวันนั้นประทับใจกับเรื่องราวเเละเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของ Table 38




เชฟ Andy Yang แห่งร้าน Table 38 นั้นบอกกับเราว่า อาหารของทางร้านนั้นเป็นอาหารไทยที่เล่นกับโมเลกุลด้วยความเร็วเเละคลื่นเสียง เชฟโชว์ความบริสุทธิ์ ความสดใหม่เเละรสชาติของวัตถุดิบที่เเท้จริงอย่างตรงไปตรงมาไม่ผ่านการปรุงเเต่ง เพราะอาหารของที่นี้นั้นใม่มีการใช้เกลือเเละน้ำตาลใดๆเลยครับ




สำหรับตัวเชฟเเอนดี้นั้น อาหารไทยคืออาหารยาจากสรรพคุณมากมายที่มีในสมุนไพร เเต่มันต้องใช้เวลาในการทำเยอะ ค่อยๆเคี่ยวในอุณหภูมิต่ำจึงไม่เสียประโยชน์ ซึ่งค่อยๆหายไปในการทำอาหารสมัยใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว




โดยเชฟมีตัวช่วยหลักของเชฟคือเครื่องเซนเทอรฟิวจ์ที่มาตราฐานของมันสูงกว่าเครื่องตามโรงพยาบาลเสียอีก ทำให้สามารถสกัดเฉพาะกลิ่นหรือรสชาติที่ต้องการในโมเม้นท์ที่ดีที่สุดออกมาได้







ทำไมชายที่ชื่อ Andy Yang ถึงดูหมกมุ่นกับเวลามากนักละ โดยส่วนตัวเชฟมีงานอดิเรกคือการถ่ายภาพและเป็นเเฟนตัวยงของช่างภาพ Peter lik เชฟเชื่อว่าการถ่ายภาพคือการเก็บโมเม้นต์ที่ดีที่สุดในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในส่วนของอาหารก็เช่นกันเชฟอยากนำเสนอขีดสุดของความอร่อยของตัววัตถุดิบ




ในส่วนของการบริการ ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ เเม้เรื่องราวในมื้ออาหารของเราจะดำเนินผ่านตัวเชฟอย่างเชฟแอนดี้เป็นหลัก เเต่บาร์เทนเดอร์ของทางร้านสามารถให้คำเเนะนำได้อย่างดีมากๆ ในวันนั้นผมมีงานหัวฟูเหนื่อยมากๆ บริกรก็เดินเข้ามาถามมีความเอาใจใส่ถามว่ารับเครื่องดื่มให้สดชื่นไหม พร้อมทั้งเเนะนำให้เสร็จสรรพ




สำหรับอาหารของที่นี้นั้นมีเพียง คอร์เมนูโดยเชฟจะเลือกเซ็ทเมนูตามประวัติการมาเยือนร้านTable38 ของเรา โดยเซ็ทเมนูในวันนี้ของผมคือ Introduction สนนราคาที่ 4900++บาท มันจะมีอะไรบ้างไปชมกันครับ



แก้วเเรกนี้เป็นcocktail ทำจากลูกอิน รัม ไข่ขาว น้ำเชื่อมส้ม ผิวมะนาว มีกลิ่นหอมหวานๆ หอมฟอรัลนิดๆเข้ากับรสหวานของรัม ก่อนตัดด้วยความเปรี้ยวสดชื่นจากส้มเเละมะนาว สดชื่นแบบละมุนครับเเก้วนี้



เชฟเริ่มต้นกับสตรีทฟู้ดง่ายๆอย่าง เมี่ยงเเตงโม พริก น้ำยำเมี่ยง น้ำปลาร้า ผิวมะนาว คำนี้เข้าปากนี้ เเว๊บเเรกเลยที่นึกขึ้นมาคือหวาน เเตงโมนี่หวานฉ่ำมากๆครับ หอมสดชื่นจากเเตงโม ก่อนตัดด้วยรสเค็มหวานอมเปรี้ยวของน้ำเมี่ยง ทำได้ดีทีเดียวครับ




จานต่อมาเป็นสตรีทฟู้ดที่ค่อยๆหายไปจากอาหารบ้านเรา อย่างขนมปังหน้าหมูค่อยๆเเละตับไก่ ตับไก่นั้นเชฟบอกมีที่มาจากสมัยก่อนฟรั่งมาค้าขายเเล้วอยากกินตับเป็ดตับห่านก็ไม่มี เราก็เอาตับไก่นี้ละมาทำให้ฟรั่งกิน


โดยเชฟนำทั้งสองอย่างผสมกันออกมาเป็นขนมปังหน้าตับไก่ ตัวมูสตับไก่นั้นเชฟไม่ปรุงรสเลยเพียงโรยพริกไทยนิดหน่อย เชฟใช้ไก่ที่เลี้ยงเเบบฟาร์มเปิด ดื่มน้ำตก รับประทานข้าวและใช้ฟ้าทะลายโจรเเทนวัคซีนสารเคมี

ในส่วนขนมปังนั้นเชฟเรียกมันว่าขนมปังเลี้ยงปลาที่อบเอง เชฟนำไปทอด ก่อนเคลือบด้วยน้ำผึ้งหินลาดที่เชฟไปเก็บเอง

คำนี้มีขนมปังดีมาก กรอบที่ผิวนุ่มฟูหอมขนมปังมีรสหวานนิดๆจากน้ำผึ้ง ผมว่าคงเสียดายถ้าเอาไปเลี้ยงปลา เเต่ตัวที่เทพยิ่งกว่าคือตับไก่ที่ไม่ขมไม่คาวหวานนิดๆมันบางๆ มีรสพริกไทยที่ปลาย


เรียกว่าทีมงานทั้งสองของเราถึงกับติดสตั้นท์เลยครับ เป็นตับไก่ที่อร่อยที่สุดที่เราเคยกินที่นึงเลยครับ เป็นตับไก่ที่อร่อยอเพราะตับไก่หาใช่สิ่งปรุงรส ยอดเยี่ยมมากๆครับ



จานต่อมาเชฟเสริฟ์กุ้งเเชบ๊วยเผา ราดมันกุ้งเเม่น้ำดิบเอสพูม่า และซอสพริกที่สกัดด้วยเทคนิคโมเลกุลลาร์


จานนี้เป็นจานเดียวที่เชฟใช้ไฟครับโดยเผากุ้งเอาปล้องข้อที่สองเพราะเชฟว่าตรงส่วนนี้สุกพอดี ส่วนที่เหลือเอาไปทำอาหารพนักงานครับ


ตัวเนื้อกุ้งนี้เนื้อหวานมากๆจนน่าตกใจมากๆครับ ผมไม่เคยกินกุ้งไทยที่มีคุณภาพสูงขนาดนี้มาก่อน กุ้งนั้นเชฟบอกว่าเชฟจ้างชาวประมงไปจับเอง เพราะกุ้งทั่วไปตามท้องตลาดนั้นเเม้จะมีราคาที่ถูกกว่าเเต่มักจะใส่สารเคมีทำให้กุ้งไม่ตายที่เชฟเรียกว่ากุ้งซอมบี้


ตัวมันเอสพูม่าก็ยอดเยี่ยมมากๆครับ มันหอม หวานมากๆ เเละไม่คาวเลย ก่อนตัดด้วยรสร้อนนิดๆจากซอสพริก คุณจะลืมกุ้งเผาเเบบเดิมๆไปเลยเมื่อมาลองกุ้งเผาที่นี้



จานต่อมาเชฟเสริฟ์ข้าวซอยไก่ อาหารเหนือจานเรียบง่าย เชฟใช้ไก่ตัวเดิม ส่วนประกอบทุกอย่างในจานนี้เชฟปลูกเลี้ยงเองยกเว้นถั่วงอกที่ซื้อครับ ก่อนออนท็อปด้วยไข่นกกะทาดิบ


เราจะลองชิมไข่นกกะทาดิบที่หวานมันนิดๆก่อนเเล้วค่อยคลุกส่วนผสมให้เข้ากัน ชามนี้ตัวเเกงเข้มข้นเครื่องเทศ มีรสร้อนเเต่ไม่เผ็ดมาก ได้กลิ่นสมุนไพรชัดเจน ตัวเส้นหนึบหนับเเละกรุบกรอบทำได้ดีครับ ไก่สุกในระดับเพอร์เฟ็กต์เนื้อนุ่มมากๆ ทำได้ดีทีเดียวครับเเต่มันยังไม่ค่อยว้าว



จานต่อมาเป็นซิกเนเจอร์ของเชฟ ที่ได้รับเเรงบันดาลใจจากภาพ RED ของ Jackson Pollock จานนี้คือแกงเผ็ดเป็ดย่าง ออนท็อปด้วยสัปปะรดเเละคะน้าทอดจากไขมันเป็ด


เชฟใช้เป็ดที่เลี้ยงเเบบไล่ทุ่ง โดยเลี้ยงเป็ดเเบบฟาร์มเปิด กินหอยเเละเม็ดข้าวที่ตกในนา ทำให้น้ำไม่เน่าตามทฤษฏีการเกษรผสมผสาน


ตัวนี้สีเเดงนี้ไม่ใช่เลือดนะครับเป็นเเกงเผ็ด ซอสรสเผ็ดร้อนหอมเครื่องเเกงตัดกับรสหวานของสัปปะรด ซอสนี่ดูเหมือนจะมีรสโปร่งไม่จัดจ้านในตอนเเรก เเต่สักพักนี่เผ็ดพอสมควรเลยครับ เป็ดนี้หนังหนึบๆเเต่เนื้อนุ่มเเตกต่างกัน ตัวผมไม่ค่อยชอบเป็ดเเบบหนังหนึบสักเท่าไหร่ เเต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจานนี้น่าสนใจทีเดียวครับ



จานหลักของเราเป็นมัสมั่นแกะสไตล์โบราณที่จะไม่มียี่หร่า เเกงเลื่องชื่ออันนี้เป็นเเกงที่เก่าเเก่เป็นอันดับสองของไทยโดยมีต้นกำเนิดมาจากโปตุเกส


ตัวเทพเลยในจานนี้คือเเกะ ที่เชฟไม่ใส่อะไรดับกินเลย ทอดในไขมันเเกะเพียยว ผมต้องบอกเซอร์ไพรส์มากๆ เข้าปากคำเเรกนี้ร้องว้าวเลยครับ ว่าไม่สาบได้ไง มันกรอบนิดๆที่ผิว ตัวเนื้อนุ่มมากๆประทับใจมากครับ แอบถามเชฟว่าซื้อเเกะที่ไหนทำยังไงเชฟไม่ยยอมบอก


ซอสมัสมั่นที่ใส่หมึกดำนั้นได้เเรงบันดาลใจจากแกะดำ ตัวซอสมีรสหวานตามด้วยเผ็ดร้อนนิดๆหอมมันฟรั่งที่ปลายจมูก ยอดเยี่ยมอีกเช่นเดียวกัน เป็นจานที่ประทับใจมากๆครับ




จานต่อมาเป็น ซุปพระกระโดดกำเเพงสไตล์แอนดี้หยาง โดยเชฟได้รับเเรงบันดาลใจจากซุปไก่สมัยเด็กประถม ใช้เชฟกระดูกไก่เเละหมู ผักหลายอย่าง เอ็นหอยตากเเห้งเเละหนังควายซึ่งเป็นmsgสมัยโบราณ


ตัวซุปนั้นหอมเเบบซุปน่องไก่ที่ทานสมัยเด็กๆมีกลิ่นผักนิดๆที่ปลายจมูก รสอุมามิกลมกล่อม อร่อยทีเดียวครับ เเต่เมื่อเทียบกับจานอื่นเเล้วผมว่ามันยังธรรมดาไปนิด



มาถึงขนมหวานกันบ้างครับ ลอยเเก้วดูเป็นขนมหวานที่ธรรมดามากๆในสมัยนี้ เเต่มันเป็นขนมไฮโซโบราณนะ เพราะไทยไม่สามารถผลิตน้ำเเข็งเองได้และต้องนำเข้าทำให้ราคาเเพงมากๆ สำหรับจานนี้โดยเชฟใช้ชมพู่อกร่องเป็นเปลือก ใส่กรานิต้าลำไยก่อนออนท็อปด้วยเเพชั่นฟรุต จานนี้มีรสเปรี้ยวเย็นและความกรุบๆของเสาวรสตัดกับรสหวานร้อนจากลำไยครับ ก็อร่อยดีครับ


เเต่ตัวที่ผมประทับใจคือชมพู่อกร่องที่เชฟบอกว่าหาทานได้ยาก เพราะมันเสียง่ายมากๆ ชมพู่ตัวนี้กรอบหวานอมเปรี้ยวเหมือนชมพู่ทั่วไปเเต่มีหอมกลิ่นฟรุ้งทั่วทั้งปากเหมือนมะม่วงอกร่อง น่าสนใจมากๆครับ




◊มาถึงจานสุดท้าย กับไอซ์ครีมมะพร้าว ที่มีส่วนผสมของ น้ำมะพร้าว และมะพร้าวเผา โดยทั้งหมดมาจากมะพร้าวต้นเดียวครับก่อนใส่ขนมตุ๊บตับกับถั่วเเมคคาเดเมียข้างบน


จานนี้มีกลิ่นหอมหวานของมะพร้าวสดเเละหอมมะพร้าวเผาที่ปลายจมูก ตัวไอซ์ครีมทำมาได้ดีไม่หวานมากครับ ขนมตุ๊บตั๊บเเละถั่วก็เข้ากันได้ดีกับกลิ่นมะพร้าวเผา เเต่เมื่อเทียบกับจานอื่นเเล้วผมยังรู้สึกธรรมดาไป


.



🍾Service : 8/10

🍽Food: 8.75/10

🤩WOW factor: 9.75/10

💰Value for money: 8/10


Total: 8.55/10



🗺เเผนที่ :https://goo.gl/maps/yBg8YMLGH2XHcvob8

⏰เวลาเปิดปิด: 18.00

💵ค่าเสียหาย: ~6000 Baht

⌨️เว็บไซต์ร้าน:


ช่องทางติดต่ออื่นๆ

Website: www.eatlikethebossth.com

InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )

FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)

Email : eatlikethebossth@gmail.com

ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss



Comments


bottom of page